GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Resident Evil 4"
Resident Evil 4 เวอร์ชัน VR จะลงให้ Oculus Quest 2 ในวันที่ 21 ตุลาคมนี้!
เป็นที่รู้กันดีว่า Resident Evil 4 นั้น เป็นเกมในซีรีส์ Resident Evil ที่โด่งดังมากที่สุดภาคหนึ่ง และได้รับการพอร์ตลงไปในเครื่องเกมแพล็ตฟอร์มต่างๆ มากมายมาโดยตลอด ซึ่งดูเหมือนว่าทาง Capcom เองก็ยังคงหาวิธีพอร์ตมันออกมาในแพล็ตฟอร์มใหม่ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง (ให้ Shinji Mikami คว้านท้องอีกครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้) และดูเหมือนว่าการพอร์ตในครั้งนี้ก็ดูจะน่าสนใจเป็นพิเศษ เมื่อ Resident Evil 4 นั้นเตรียมจะกลายเป็นเวอร์ชัน VR สำหรับเครื่อง Oculus Quest 2 แล้วอย่างเต็มรูปแบบ!ซึ่งตัวเกมดังกล่าวนั้นมีกำหนดจะวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม และในตอนนี้ตัวเกมก็ได้ทำการปล่อยวิดีโอเกมเพลย์บางส่วนออกมาให้เราได้เห็น ทั้งความเคลื่อนไหวในการแก้ไขปริศนา การต่อสู้กับศัตรูต่างๆ ภายในเกม รวบไปถึงการใช้ไอเทมต่างๆ อย่างที่เราสามารถทำได้เหมือนการเล่นปกติอย่างไรก็ดี Resident Evil 4 นั้นจะเปิดตัวสำหรับ Oculus Quest 2 ในวันที่ 21 ตุลาคม ในขณะที่ตอนนี้เองก็ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วอยู่ว่าทาง Capcom อาจกำลังตั้งใจจะสร้าง Resident Evil 4 เวอร์ชันรีเมคอยู่ก็เป็นได้ค่ะ <iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/d3Qmy0tHjxo' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
28 Sep 2021
ฆ่า Brand เพื่อ RE Brand: กรณีศึกษาทิศทางที่เปลี่ยนไปของซีรีส์ Resident Evil
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ ผู้เขียน เขียนโดยใช้ข้อมูลอ้างอิงของ Resident Evil ภาคแกนหลัก โดยไม่ได้แตะไปที่ภาคปลีกย่อย แต่ขอให้เป็นที่รับรู้และเข้าใจโดยทั่วกันว่า กระบวนการที่ Capcom ได้ทำกับซีรีส์นั้น เกิดขึ้นในภาพกว้าง โดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ภาคใดภาคหนึ่ง หรือสื่อใดสื่อหนึ่งเป็นการเฉพาะ หมายเหตุ 2 : ในขณะที่ผู้เขียนเขียนงานชิ้นนี้ ก็เป็นช่วงเวลาดียวกับที่คุณ Jeanette Maus ผู้ให้เสียงและ Mo-Cap ‘ลูกสาวแวมไพร์’ ใน Resident Evil : VILLAGE ได้เสียชีวิตด้วยมะเร็งลำไส้ ในวัย 39 ปี ผู้เขียนขอแสดงความอาลัยต่อการจากไป และขอให้วิญญาณของเธอไปสู่ภพภูมิที่ดี เนื่องด้วยเธอได้ดำรงความเป็นอมตะในบทบาทอันสุดยอดเป็นที่จดจำได้ในทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดตัว บนชิ้นงานที่จะสืบทอดต่อไปอีกนานเท่านาน และในขณะนี้ ทางครอบครัว Maus ยังเปิดรับเงินบริจาคสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ลำบาก ซึ่งคุณสามารถร่วมบริจาคได้ ที่นี่ *********************************************************************************************************** ย้อนเวลากลับไปที่ปี 1998 หรือเมื่อประมาณ เกือบยี่สิบสามปีที่แล้ว ในช่วงเวลาที่เครื่อง Playstation รุ่นแรกยังคงเฟื่องฟู ผู้เขียนยังเป็นเพียงเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์การเล่นเกมบนระบบดังกล่าวเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่นทั่วไป และเป็นเวลาเดียวกับที่ซีรีส์ ‘Resident Evil’ เกมผจญภัยสยองขวัญชื่อดังของ Capcom กำลังติดลมบน จากความสำเร็จของภาคแรก และตีเหล็กกำลังร้อนของภาคที่สอง ที่แทบจะเรียกว่าร้านเกมทุกแห่งจะต้องมี และแข่งกันเล่นกับเพื่อนฝูงว่าใครจะสามารถเล่นได้เร็วที่สุด เก่งที่สุด ปลดล็อคความลับที่ซ่อนอยู่ได้มากที่สุดกว่ากัน ในยุคที่ยังไม่มีประดิษฐกรรมที่เรียกว่า ‘Achievements’ นั้น นับเป็นความท้าทายที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองและเสียงเชียร์จากเพื่อนเป็นรางวัลล้วนๆ ไม่มีเป็นอื่นใด เห็นแบบนี้ แต่นี่สุดยอดกราฟิกระดับ Next-Gen ของปี 1998 ที่ทุกคนต้องสัมผัส สำหรับ Resident Evil 2 และด้วยความนิยมอันมหาศาลของ Resident Evil 2 นี้เอง ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ ‘อ่าน’ หนังสือการ์ตูนแบบ Pirate หรือแบบพิมพ์อย่างไม่ถูกลิขสิทธิ์ ที่เอาผลงานเขียนโดยนักเขียนสายไต้หวัน (ในชื่อ Manhua [生化危機]) ที่เอาความเป็นซีรีส์ RE มาเป็นกรอบ เคลือบความเป็นการ์ตูนกำลังภายใน และเนื้อหาข้างในก็ถูกยำใส่สีตีไข่จนมั่วและแทบไม่เหลือเค้าเดิม ผู้เขียนได้แต่นั่งอ่านไปและถอนใจ ทั้งในความบรรเจิดของคนเขียน ความพยายามที่จะทำมาหากิน และความ ‘เพ้อเจ้อ’ ของการ์ตูนกำลังภายใน ที่ดูเหมือนจะหยิบจับอะไรก็ได้ มาบิดดัดให้กลายร่างเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะสามารถไปในแนวทางเหล่านั้น ให้กลายเป็นการปล่อยพลังวรยุทธ์ขั้นที่สาม สี่ และห้า ได้อย่างเข้าใจจะหาทำ... Leon ผู้สำเร็จเคล็ดวิชา G-Virus ขั้นที่ห้า ..... ก็คงมีแต่การ์ตูนจอมยุทธ์สายไต้หวันนี่ล่ะ ที่กล้าและบ้าพอจะหาทำ... แต่มาในวันนี้ ยี่สิบกว่าปีผ่านไป … กับซีรีส์ Resident Evil ที่เดินทางออกห่างจากภาค 2 มาไกลจนถึงภาค 7 และภาค VILLAGE ที่กำลังจะวางจำหน่าย แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เท่ากับการที่ Leon ได้เคยเป็นยอดจอมยุทธ์แห่ง G-Virus ในหนังสือการ์ตูน แต่การได้เห็น Leon กลายเป็นสุดยอดสายลับ (และนักทำลายล้างยานยนต์ทุกชนิดที่ขับขี่…), Chris Redfield ต่อยหินลาวา, Jill Valentine เป็นสุดยอดอาวุธชีวภาพเดินได้, Albert Wesker กลายเป็นสุดยอดมนุษย์กลายพันธุ์ และการผจญภัยของ Ethan Winters ที่ต่อมือขาดด้วยไวรัสได้ง่ายเหมือนหยอดยาแดงเบตาดีน (และแน่นอน… ได้เห็น Joe Baker ต่อยเหล่า ‘Molded’ ตัวขาดด้วยหมัดเปล่าใน End of Zoe ภาคเสริมของ Resident Evil 7…) วินาทีที่ Chris Redfield ผลักหินลาวา ความเป็น Resident Evil ก็แบบดั้งเดิมก็จากลาในความรู้สึกของผู้เขียนไปเรียบร้อยแล้ว... ทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้เขียนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นักเขียนการ์ตูนไต้หวันเหล่านั้น มีญาณทิพย์เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ล่วงหน้าเป็นสิบกว่าปีหรือไม่ เพราะแม้จะไม่ได้เวอร์วังในสเกลเดียวกัน แต่ถ้าเทียบกับต้นกำเนิดหลักแล้ว ก็ต้องบอกว่าซีรีส์ RE นั้น ‘มาไกล’ จนเกือบเข้าข่าย ‘เพ้อเจ้อ’ อยู่ไม่น้อย และยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมันกลายเป็นหนังอย่าง Texas Chainsaw Massacre หรือ The Hills have Eyes ในธีมตระกูล Baker ของภาค 7.... แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะถ้ามองในแง่มุมการตลาดแล้ว เราจะพบว่า มันเป็น ‘กระบวนการ’ ที่ผ่านการคิดและการสร้างมาอย่างเป็นระบบ ด้วยความตั้งใจ และการใช้เวลา และเป็นการ ‘รีแบรนด์’ แบบเล่นใหญ่ในตลอดยี่สิบห้าปีในประวัติศาสตร์ของซีรีส์ที่ผ่านมา ถูกสะสม ลองผิดลองถูก และผ่านการ ‘ถูกฆ่า’ เพื่อหาสูตรสำเร็จในแต่ละช่วงเวลามาอย่างห้าวหาญมานับไม่ถ้วน ซึ่งน้อยซีรีส์นักที่จะมีความกล้าในการลงมือทำในสิ่งเหล่านี้ จนนี่ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย อะไรคือการ ‘รีแบรนด์’ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘รีแบรนด์’ มาบ้างจากวิชาทางด้านการตลาดและเศรษฐศาสตร์ ถ้ากล่าวโดยสรุปนั้นคือ มันเป็นกลยุทธ์ที่สินค้าและบริการหนึ่งๆ ใช้ ในการปรับ ‘ภาพลักษณ์’ เพื่อเข้าถึงความต้องการและการจดจำของลูกค้า โดยมีเหตุผลและความจำเป็นสำหรับการ ‘รีแบรนด์’ ที่สามารถสรุปได้คร่าวๆ ดังต่อไปนี้ -กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้นๆ มีความเปลี่ยนแปลงไป -มีความต้องการที่จะขยายตลาดให้หลากหลาย และกว้างขวางมากขึ้น -มีสัญญาณของการ Disrupt หรือการเข้ามาของสิ่งใหม่ ที่จะทำให้รูปแบบการทำธุรกิจหรือสินค้าเดิมล้าสมัย -สัญญาณของการไม่ปรับตัวจะทำให้แบรนด์กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม ที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ไปเป็นเพียงเหตุ ‘คร่าวๆ’ เพราะปัจจัยในการรีแบรนด์นั้นยังมีอีกมาก (และผู้เขียนก็คงไม่ขอยกมาทั้งหมด ไม่เช่นนั้นบทความนี้อาจจะกลายเป็นตำรา Marketing 101 ไปเสียก่อน…) แต่เชื่อหรือไม่ว่า การรีแบรนด์นั้น เกิดขึ้นมาโดยตลอด และไม่เฉพาะกับแบรนด์ขนาดเล็กหรือขนาดกลาง แต่กับแบรนด์ขนาดใหญ่นั้น กลับเป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่ผ่านขั้นตอนการ ‘รีแบรนด์’ อย่างหนักหน่วงมากที่สุด เช่น แบรนด์ Starbucks, Marvel Studios หรือของไทยอย่าง Bar-B-Q Plaza ที่ปรับภาพลักษณ์ขององค์กรอายุ 30 ปีให้สดใส จนคนคุ้นเคยกับ พี่ก้อน หรือ บาร์บีกอน กันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การ รีแบรนด์ นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มีผลต่อความเชื่อใจของผู้บริโภคอย่างสูง ถ้าทำอย่างไม่ระวัง ผลเสียที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงกว่าการไม่ทำอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ นั่นทำให้การ รีแบรนด์ คือมาตรการสุดท้าย ในสภาวะที่แบรนด์ส่อเค้าว่าจะวิกฤติ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง ใครๆ ก็รักพี่ก้อน และพี่ก้อน ก็คือผลลัพธ์จากการ รีแบรนด์ ครั้งสำคัญของ Bar-B-Q Plaza ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด จำเป็นแค่ไหนที่ Resident Evil จะต้อง ‘รีแบรนด์’? อันที่จริง ในช่วงเวลาที่เป็นขาขึ้นที่สุดของซีรีส์ Resident Evil อย่างภาคสองนั้น มันแทบจะเป็นจุดที่ทาง Capcom เองไม่ต้องกังวลใดๆ กับการดำรงอยู่ของแบรนด์นี้ในสายการผลิตของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ว เราจะพบว่า มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่จะนำซีรีส์นี้ไปสู่ ‘ทางตัน’ ได้ หากผู้พัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวิสัยทัศน์ของ Shinji Mikami ผู้เป็นโปรดิวเซอร์หลักของซีรีส์ได้มองเอาไว้ ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างเสียแต่เนิ่นๆ -ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี : การเล่นในแบบมุมกล้อง CCTV Camera นั้น เป็นรูปแบบเก่าที่เกิดจากข้อจำกัดในการแสดงผล ซึ่งมันจะล้าสมัยไปในไม่ช้า -พื้นหลังเรื่องราว : วิกฤติซอมบี้ระบาดในพื้นที่จำกัด กับศัตรูรูปแบบเดิมเช่นนี้ จะเล่นได้อีกนานแค่ไหน? -การพัฒนาตัวละคร: บรรดาตัวละครทั้งหลายที่อยู่ในเนื้อหา จะสามารถเติบโตในทิศทางใด หากยังถูกจำกัดอยู่แต่ในกรอบเขตกีดกั้นของวิกฤติซอมบี้ระบาด? Resident Evil : Code: Veronica น่าจะเป็นจุด ถึงที่สุด ที่ Capcom ได้เห็นว่า แนวทางแบบดั้งเดิม ควรจะต้องหยุด และเริ่ม Disrupt ตัวเองได้เสียที เอาเพียงแค่สามข้อ มันก็ดูจะเพียงพอแล้วที่เราจะเห็นว่า ปลายทางของ Resident Evil ในแบบ ‘ดั้งเดิม’ นั้น ไม่อาจฝ่าคลื่นนาวาของความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะถาโถมเข้ามาได้ (และดูเหมือนว่าจะยิ่งชัดเจนที่สุดกับภาค Code Veronica ที่น่าจะถึงที่สุดของการนำเสนอและการเล่นใน ‘แบบเก่า’ ไปแล้ว) นอกไปเสียจากทางตัน และยิ่งโดยตัวของ Shinji Mikami เองที่ได้มีโอกาสไปกำกับเกมอื่นๆ ของค่าย เขาก็ยิ่งเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้ซีรีส์ Resident Evil ‘ไปได้ไกล’ มากกว่าที่เป็น และเป็นเหตุผลที่เขาเริ่มทำ ‘Resident Evil 4’ และโลกของ RE ก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป …. ’ฆ่า Brand’ เพื่อ ‘RE : แบรนด์’ เป็นที่แน่นอนแล้วว่ากระบวนการ ‘รีแบรนด์’ นั้น คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนในฐานคิดของทีม Capcom ถ้าพวกเขาอยากจะก้าวต่อไปกับซีรีส์นี้ แต่กระนั้น ด้วยความที่ Resident Evil คือหนึ่งในเกมระดับแม่เหล็กของค่าย การเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างฉุกละหุก และโดยปัจจุบันทันด่วนนั้น อาจจะก่อให้เกิดผลเสียที่จะตามมา และนั่น ทำให้เกิดเป็นแผน ‘ระยะยาว’ ที่ไม่ว่าพวกเขาจะตั้งใจหรือไม่ แต่พวกเขาก็ได้ดำเนินการ ‘ฆ่า’ สามเสาหลักที่สำคัญของแบรนด์ RE และดัดแปลงมันเพื่อขยายขอบเขตความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับซีรีส์อย่างเป็นระบบ ที่เรา ในฐานะผู้เล่น อาจจะรู้สึกว่า พวกเขากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ แต่เชื่อเถอะว่า นี่เป็นขั้นตอนที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อมองในภาพกว้าง แล้วพวกเขาได้ ‘ฆ่า’ อะไรไปบ้าง? 1.ฆ่า ‘บทบาทตัวละคร’ นี่เป็นจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ เพราะบรรดาตัวละครทั้งหลาย ย่อมมีพัฒนาการและการเติบโตตามระยะเวลา การจะยังคงรูปแบบ แนวคิด และลักษณะดั้งเดิมเอาไว้ จะทำให้มันกลายเป็นตัวละครที่มีมิติที่แบนราบ ไม่น่าสนใจ และดูเหมือนว่าทีม Capcom เองก็เห็นด้วย และ ‘ไปสุดทาง’ อยู่ไม่น้อย เพราะการที่เหล่าตัวละครจากคนธรรมดา ที่อาจจะเป็นเพียง ‘ผู้พยายามรอดชีวิต’ จากวิกฤติไวรัสซอมบี้ระบาด จนกลายมาเป็นสุดยอดโคตรคนที่ต่อกรกับทุกอุปสรรคได้อย่างเหนือมนุษย์นั้น ก็ออกจะพิสดารอภินิหารไปบ้าง แต่ในเมื่อมันเป็นตัวละครของ ‘พวกเขา’ แล้ว พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะยำมันได้ในขอบเขตที่ยังไม่ล้ำเส้นความเป็นไปได้จนเกินไป ซึ่งนั่นจะตามมาด้วยการ ‘ฆ่า’ ในข้อที่สอง 2.ฆ่า ‘พื้นหลังเรื่องราว’ จากจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่ Spencer Mansion นอกเขตเมือง Raccoon City ใน Resident Evil ภาคแรก มาสู่การเดินทางเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพของอดีตบริษัท Umbrella ที่ล่มสลาย และกระจายเข้าสู่ตลาดมืด จากวิกฤติไวรัสล้างเมือง สู่การใช้อาวุธชีวภาพตามพื้นที่ต่างๆ ก่อจนเกิดเป็นลัทธิวิปริตอย่าง Los Illuminados หรือบ้านตระกูล Baker ที่เหมือนหลุดมาจากหนัง Texas Chainsaw Massacre จากหน่วยสืบพิเศษ S.T.A.R.S. แห่งกรมตำรวจ Raccoon City สู่หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย Bioterrorism Security Assessment Alliance (BSAA) เหล่านี้ คือการเปลี่ยนพื้นหลังเรื่องราวหรือ Narrative เพื่อสอดรับกับการเติบโตและความเป็นไปของบรรดาตัวละครที่มีบทบาทที่แตกต่างออกไปจากเดิมของซีรีส์ Resident Evil นั่นเพราะถ้าหากยังคงบทบาทเก่า แนวคิดเก่า และ ‘ความสามารถ’ แบบเก่า มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาคงไม่สามารถรับมือกับวิกฤติการผีบ้าทั้งหลายที่ยกสเกลความพินาศขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวได้ Ada Wong คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ในด้านความ เหนือมนุษย์ ที่เปลี่ยนจาก Corporate Agent ธรรมดา ให้กลายเป็นโคตรสายลับสาวระดับพระกาฬที่เราคงไม่ต้องถามเรื่องความเวอร์วังอะไรจากเธออีก... และก็อีกเช่นเคย Capcom สนุกกับการเชือด Settings เก่าทิ้งอย่างเป็นระบบ ค่อยๆ สอดไส้ความเหนือมนุษย์ลงไปทีละหยดๆ จนมาถึงตอนนี้ เราคงไม่ค่อยแปลกใจกันนัก ถ้าหากจะเห็น Leon S. Kenedy เป็นยอดสายลับขับขี่ยานพาหนะเป็นพัง และเห็น Chris Redfield กลายเป็นโคตรทหารต่อยซอมบี้หัวขาดและฟาดหินลาวาด้วยหมัดเปล่า และเหล่าซอมบี้ง่อยๆ ก็กลายเป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และอีกหลายอันที่หลุดมาจากนรกขุมที่เท่าไรก็ไม่อยากจะนับ ก็เพราะพวกเขา ‘ชง’ ให้มันมาทางนี้ซะแล้ว ซึ่งการ ‘ตบ’ และ ‘ดื่ม’ ก็จะเกี่ยวข้องกับการ ‘ฆ่า’ ปัจจัยสุดท้าย 3.ฆ่า ‘เกมการเล่น’ นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ผู้เขียนขอยกมาไว้ตอนท้าย เพราะดังที่กล่าวไปข้างต้น เกมการเล่นดั้งเดิมของ Resident Evil ในแบบแรกเริ่ม ที่กำหนดมุมกล้องแบบ CCTV นั้น เกิดขึ้นจากความจำเป็นในข้อจำกัดของเทคโนโลยี และเป็นสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมผจญภัยสยองขวัญโคตรปู่ผีอย่าง Alone in the Dark (ที่ตอนนี้ตายซากกลายเป็นเป็นผีไม่มีที่ฝังและถูกลืมหายไปจากความทรงจำแล้วอย่างน่าเศร้า…) แต่เมื่อเทคโนโลยีในการนำเสนอเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความเป็นไปได้ใหม่ๆ ได้เดินทางเข้ามา ทีมพัฒนาของ Capcom ก็รู้แล้วว่า การ ‘Disrupt’ ครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง และถ้าพวกเขาไม่ขยับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลง ซีรีส์ RE ก็อาจจะกลายเป็นผีตามรุ่นพี่อย่าง Alone in the Dark ไปอีกเกม พวกเขานำร่องด้วยเกมอย่าง Resident Evil 4 ที่กลายมาเป็นเกม 3rd Person Shooter บนระบบ Gamecube ก่อนจะดำเนินตามแนวทางนี้มาจนถึงภาคที่ 6 และอย่ามองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญ เพราะการเปลี่ยน Genre หรือประเภทแนวเกม นั่นหมายถึงผู้พัฒนาเกม จะต้องสร้างเกมบนฐานคิด มุมมอง และทัศนคติด้วยแนวทางใหม่ เพราะเกมแต่ละประเภทก็มีจังหวะ มีลูกล่อลูกชน และมีรูปแบบในการนำเสนอความน่าสนใจที่แตกต่างกัน มี Pace ที่แตกต่างกัน แน่นอน Resident Evil ในแบบออริจินัลดั้งเดิม มุมกล้อง CCTV นั้นสามารถช้าได้ แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนเป็น 3rd Person Shooter แล้ว รูปแบบการเล่น การวางศัตรู การแก้ปริศนา และการสร้างความท้าทายก็จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นในทันที และเป็นไปในแบบที่เกมแนวเดิมไม่สามารถให้ได้ มันคือการ ฆ่า เกมแนวเก่า เพื่อโอบรับ แนวคิดใหม่" โดยแท้ และพวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ถึงสามภาคเต็มๆ ตั้งแต่ภาค 4 จนถึงภาคที่ 6 ในแบบสุดทาง และพวกเขาก็ Disrupt ตัวเองอีกครั้งในภาค 7 ที่พวกเขา ‘ทดลอง’ นำเอาความเป็น First Person Shooter มาใส่ความสยองขวัญแบบ RE ดั้งเดิมลงไป ซึ่งก็ให้ผลตอบรับในทางที่ดีอยู่ไม่น้อย จนกลายมาเป็นภาค VILLAGE ที่กำลังจะวางจำหน่าย ที่คิดว่าความเป็น First Person Shooter กึ่งสยองขวัญ น่าจะยังอยู่กับซีรีส์ RE ไปอีกสักระยะหนึ่งอย่างแน่นอน อนึ่ง แม้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในระดับ ‘หักศอก’ เกิดขึ้นในรอบ 25 ปีของซีรีส์ Resident Evil แต่ทีม Capcom ก็ไม่ได้ทิ้ง Core Value ของซีรีส์ ทั้งในเรื่องของการเป็นเกมสยองขวัญ, เอกลักษณ์ของจุดเซฟ, การบริหาร Inventory, การสืบทอด Entity หรือองค์กรอย่าง Umbrella ที่ดูจะเป็นปิศาจที่หลอกหลอนในเรื่องราวเกือบทุกภาค (แม้ว่าในเนื้อหาหลัก ตัวบริษัทจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม…) เพราะสำหรับพวกเขา ทีมพัฒนาจาก Capcom ซีรีส์ Resident Evil ก็ยังคงเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่าง ‘มนุษย์’ กับ ‘สิ่งเหนือธรรมชาติ’ ที่เกิดจากสิ่งที่ถูกสร้างโดยเทคโนโลยีในทางที่ผิด ส่วนผลลัพธ์ของการใช้เทคโนโลยีที่ว่านั้น จะออกมาในรูปแบบไหน คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำคัญอันใดอีกต่อไปแล้ว (โดยเฉพาะภาค VILLAGE ที่ดูจะยิ่งหลุดโลกหนักกว่าเดิม ที่คุณสามารถอ่านบทความสรุปเนื้อหาได้จาก ที่นี่) "และแน่นอน นั่นหมายรวมถึงขอบเขตที่ Resident Evil จะก้าวต่อไป ที่พวกเขาได้สลัดหลุดพ้น ‘กรอบกีดกั้น’ ของความเป็นเกมอาชีวิตรอดจากซอมบี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย…" จากวันแรกที่ Resident Evil ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 1996 จนมาถึงปีนี้ 2021 ที่ภาค VILLAGE จะวางจำหน่าย จากวันที่ Tyrant กับมือกรงเล็บสร้างความสยองขวัญ สู่ Lady Dimitrescu สตรีสูงศักดิ์ร่างยักษ์กับลูกสาว ‘แวมไพร์’ ในปราสาทยุโรปตะวันออกคือภัยร้ายแรงระดับถึงตาย จากวันที่ Leon S. Kenedy ยังเป็นตำรวจหน้าใหม่ที่บังเอิญโชคดีมาถึงเมืองช้า สู่การเป็นสุดยอดสายลับที่ขับยานพาหนะเป็นต้องพัง และจากวันที่ Shinji Mikami ตัดสินใจสร้าง Resident Evil ให้กำเนิดขึ้นมาบนโลก จนถึงวันที่เขาวางมือและปล่อยให้ซีรีส์ดำเนินไปตามทางของมัน และยังคงอยู่ได้ แม้เขาไม่ได้กุมบังเหียนมันอีกต่อไปแล้วก็ตาม Lady Dimitrescu สตรีสูงศักดิ์ร่างยักษ์กับเหล่า ลูกสาวแวมไพร์ ตัวร้ายของภาค VIlLAGE ที่สร้างกระแสฮือฮาบนโลกอินเทอร์เนตอย่างไม่หยุดฉุดไม่อยู่ แน่นอน มันมีกาสร้างที่ผิดพลาด มันมีการ experiment หรือการทดลองแนวคิดที่ไม่ประสบผล (ไม่ว่าจะเป็นภาค Outbreak ที่แนวคิดดีแต่ติดที่ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี หรือภาค Umbrella Corps แนว Multiplayer Shooter ที่อย่าไปพูดถึงมันเลยจะดีกว่า…) บางการ ทดลอง ของ Capcom ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จ เช่น Resident Evil : Umbrella Corps ที่สมควรถูกลืมไปซะจะดีกว่า ... แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ซีรีส์ Resident Evil คือหนึ่งในตัวอย่างของการ ‘ปรับตัว’ หรือ ‘รีแบรนด์’ ที่กระทำอย่างต่อเนื่อง รับรู้ข้อจำกัดตัวเอง และรีบดำเนินการในทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครมากระตุ้นเตือนหรือทำให้รับรู้ว่าตัวเอง ‘ตกเทรนด์’ เพราะพวกเขาเป็นคน ‘กำหนดเทรนด์’ ที่เกมแนวสยองขวัญจะก้าวไปข้างหน้า ที่จะยืนยาวต่อไป และน่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าพวกเขาจะสร้างสิ่งใด ภายใต้ความเปลี่ยนผ่านของแวดวงวิดีโอเกมในเวลาที่จะมาถึง “เพราะลงว่าได้ ‘ฆ่าแบรนด์’ เพื่อเกิดใหม่มาแล้วอย่างชำนาญ มันจะไม่จบแค่ครั้งที่สอง สาม หรือสี่แน่นอน และนั่น คือวิถีทางที่สิ่งใหม่ๆ จะถือถือกำเนิดขึ้น ในวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และมันจะเป็นเช่นนั้น…เสมอ”
10 Feb 2021
ข่าวลือ! Resident Evil 4 Remake อาจเลื่อนไปวางขายปี 2023 แทน!
ก่อนหน้านี้เราได้ทราบจากข่าวลือว่า Capcom วางแผนจะขาย Resident Evil อีกหลายภาคนอกจาก Village ในช่วง 4 ปีหลังจากนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ระบุว่า Resident Evil 4 Remake จะวางจำหน่ายในช่วง Q4 ของปี 2022 ซึ่งล่าสุด ดูเหมือนผู้พัฒนาจะพบกับปัญหาใหญ่ จนทำให้ต้องเลื่อนไปวางขายปี 2023 แทนครับ จากรายงานของ VGC ดูเหมือนว่าทีมพัฒนาเกม M-Two กับ Capcom จะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องทิศทางของเกม ซึ่ง M-Two ตัดสินใจว่าควรจะ Remake เกมนี้แบบ 1 : 1 หรือกล่าวคือรักษาของเดิมเอ้าไว้ให้มากที่สุด และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาเกมเพลย์ กับกราฟิกให้ดีขึ้น แต่ทาง Capcom ดูเหมือนจะอยากได้การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในเวอร์ชันนี้ จนส่งผลให้มีการเปลี่ยนผู้นำในการพัฒนาไปเป็น Capcom Division 1 แทน และลดบทบาทของ M-Two ในโปรเจกต์นี้ลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การพัฒนาเกมติดขัด และจำเป็นต้องเลื่อนการวางขายไปเป็นปีถัดไปแทน ซึ่งเนื่องจากของเดิมจะขายในช่วงปลายปีอยู่แล้ว ดังนั้นคิดว่าคงไม่เกินช่วงกลางปี 2023 เราก็น่าจะได้เล่นภาคนี้กัน (ถ้ามันมาจริงๆ อะนะ) และ RE4 Remake จะแตกต่างจากต้นฉบับมากๆ เลยด้วยครับ Credit: GamingBolt
25 Jan 2021
**ชินจิ มิคามิ** ยืนยันว่าไม่เคยได้รับการติดต่อเกี่ยวกับโปรเจค Resident Evil 4 Remake จาก Capcom เลย
"Capcom กำลังพัฒนา Resident Evil 4 Remake อยู่" คือข่าวลือที่มักจะโผลมาเป็นระยะๆ ในช่วงปี 2020 นี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ ตัวเกมภาค 2 กับ 3 ในซีรีส์ต่างถูกทำเป็นภาค Remake ใหม่ทั้งหมด ทำให้แฟนเกมเชื่อว่าภาค 4 เองก็กำลังจะได้รับการ Remake และจะวางจำหน่ายในอีก 1 - 2 ปีนี้จริงจามข่าวลือ โดยไดเรกเตอร์ของเกม Original คุณ ชินจิ มิคามิ เองก็เหมือนจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ปล่อยออกมาโดย Variety คุณ ชินจิ มิคามิ ยืนยันว่าเขาไม่ได้เคยได้รับการติดต่อจาก Capcom เกี่ยวกับโปรเจค Resident Evil 4 Remake เลย แต่ถ้าถามว่ามีความเป็นไปได้มากขนาดไหนที่โปรเจคดังกล่าวจะมีอยู่จริง เขาก็ตอบว่า มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากบริษัทจะสามารถทำกำไรจากมันได้ และมันก็เป็นโอกาสทางการตลาดที่ดีด้วยเช่นกัน เอาจริงๆ ในตอนนี้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ Resident Evil 4 Remake เป็นเพียงสิ่งที่มาจากข่าวลือทั้งนั้น ไม่มีอะไรยืนยันเลยว่าเกมดังกล่าวอยู่ระหว่างพัฒนาจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเอาตามที่คุณ ชินจิ มิคามิ ว่ามามันก็คงมีความเป็นไปได้สูงจริง ที่เราจะได้เห็นเกมภาค 4 Remake ในอีก 1 - 2 ปีหลังจากนี้ครับ Credit: Comicbook
18 Dec 2020
ผู้ให้เสียง Leon เผยกำลังทำ Motion Capture อยู่ หรือ RE4 Remake จะมาจริง?
Resident Evil Village คือภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์เกมยิงผีที่กำลังจะวางจำหน่ายในปีหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน ข่าวเกี่ยวกับเกม Resident Evil 4 Remake เองก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แฟนๆ ให้ความสนใจ ซึ่งจากโพสต์ล่าสุดของ Nick Apostolides ผู้ให้เสียงพากย์ และเป็นเจ้าของใบหน้าของ Leon S Kennedy ใน RE2 Remake คิดว่าเป็นไปได้สูงเลยที่ RE4 Remake จะมาจริงๆ ครับ Nick Apostolides ได้โพสต์ข้อความพร้อมกับรูปภาพว่า "ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง" ซึ่งตัวเขาได้ใส่แฮชแท็ก VideoGames เอาไว้ด้วย จึงเป็นไปได้ว่าเขากำลัง Motion Capture เป็น Leon สำหรับเกม RE4 Remake อยู่ แต่ตัวผมเองกลับรู้สึกว่า เขาน่าจะกำลัง Motion Capture ให้กับการ์ตูน Resident Evil ของ Netflix อยู่ครับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น RE4 Remake เช่นกันครับ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอดูต่อไป Man does it feel good to get back to work! Safely had a blast with some crazy people on this one....can’t wait to share the project! #mocap #performancecapture #motioncapture #videogames #action #stunts pic.twitter.com/LTrrqU5073 — Nick Apostolides (@Nik_apostolides) November 2, 2020 Credit: GameRant
06 Nov 2020
ลือ! Resident Evil 4 Remake จะปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องเกมมากกว่าภาคที่ผ่านมา
หลังจากมีข่าวลือว่า อีกหนึ่งเกมที่กำลังจะถูกนำกลับมาทำใหม่อย่าง Resident Evil 4 กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา ก็ทำให้แฟนๆ ของซีรีส์นี้ต่างรอคอย และติดตามข่าวสารของเกมนี้กันอย่างจริงจัง ล่าสุดก็มีข่าวลือว่า ตัวเกมจะเพิ่มเนื้อเรื่องใหม่ๆ รวมถึงปรับปรุงลูกเล่นในเกมด้วยค่ะ โดยข่าวนี้ก็มาจากบน Twitter ของ Dusk Golem ซึ่งหากเป็นผู้ติดตามข่าวของซีรีส์นี้ จะรู้ว่าข่าวสารที่มาจากเขาเกี่ยวกับตัวเกม Resident Evil ถือว่าผิดพลาดน้อยมาก ล่าสุดเขาได้โพสต์ลง Twitter กล่าวว่า เนื้อเรื่องของ Resident Evil 4 Remake จะมีความแตกต่างจาก Original มากกว่า ภาคก่อนหน้านี้อย่าง RE3 Remake ที่ได้มีการปรับปรุงให้เหลือเพียงการจบในรูปแบบเดียว ส่งผลให้แฟนๆ บางคนอาจจะไม่พอใจกับเนื้อเรื่องของเกมเวอร์ชั่นใหม่ แต่นี้ถือเป็นเพียงการคาดการณ์ที่ทางผู้พัฒนาไม่ได้ออกมาสรุปอย่างแน่นอนว่า ตัวเกมจะออกมาในทางรูปแบบใด เนื้อเรื่องจะเป็นไปตามนี้ หรือไม่ต้องรอติดตามกันต่อไป (1/2) This is the last RE4 Remake question Ill answer for a while (I know more than most on RE4 Remake right now, but theres a LOT I dont know at this point in time, & the things I do know mostly are best to be seen than talked about literally a year or so before the games https://t.co/0C01IzH4Rt — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 (2/3) announcement, I keep saying this but Ill repeat myself, RE4 Remake leaked too soon even if with RE8 I think some would get suspicious), but yes the story is an area theyre focusing on expanding greatly. Not in the way you described though. I guess the one random thing I — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 (3/3) can toss out there as an example is, have you ever thought about what Dr. Salvadors deal in RE4 was? No? Well, prepare to be intrigued. — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 Credit: Gamerant
26 Jun 2020
อดีตผู้นำพัฒนา Resident Evil 4 กล่าว "ถ้าภาค Remake ออกมาดีก็ไม่มีปัญหา"!!
Resident Evil 4 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาคที่สร้างชื่อเสียงให้กับซีรีส์เป็นอย่างมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า คุณ Shinji Mikami ที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเกมครั้งนั้นทำได้ดีจริงๆ ดังนั้นข่าวลือที่บอกว่า Capcom กำลังพัฒนา Resident Evil 4 Remake อยู่ แถมคุณ Mikami ยังมาเป็นผู้ให้คำแนะนำในการพัฒนา่ตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ด้วย! สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official ว่าเกม Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริง แต่จากบทสัมภาษณ์ของ IGN ดูเหมือนว่าตัวเกมอาจอยู่ในระหว่างพัฒนาจริงๆ ครับ "คิดเห็นยังไง เกี่ยวกับข่าวลือที่บอกว่าทาง Capcom กำลังพัฒนา Resident EVil 4 Remake อยู่" คือหนึ่งในคำถามที่ IGN ได้ถามกับคุณ Mikami ซึ่งเขาก็ได้ตอบว่า "ถ้าทำออกมาได้ดี ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร" มันน่าสนใจตรงที่ว่าตัวเขาไม่ได้ปฏิเสธว่า "Resident Evil 4 Remake กำลังพัฒนาอยู่" เลยครับ ดังนั้นในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้เราอาจจะเล่นภาค 4 Remkake จริงๆ ก็ได้ครับ Credit: Nintendolife สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
05 Jun 2020
ลือ Resident Evil 4 Remake จริงๆ เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว!
ซีรีส์เกม Resident Evil กลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าผู้เล่นมาเป็นเวลา 2 ปีติดกันแล้ว ซึ่งทั้งสองภาค Resident Evil 2 Remake และ Resident Evil 3 Remake ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ล่าสุดก็เพิ่งจะมีข่าวลือว่า ภาคต่อไปที่จะถูกเอามาทำเป็นภาค Remake ก็คือ Resident Evil 4 โดยมีกำหนดจะวางจำหน่ายในปี 2022 ซึ่งวันนี้ก็มีอีกหนึ่งข่าวลือที่สนับสนุนว่า Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ ครับ! AestheticGamer aka Dusk Golem ได้ทำการปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับ Resident Evil 4 Remake ออกมาผ่าน Twitter โดยข้อมูลที่เขาปล่อยออกมามีจุดสำคัญอยู่หลายจุด ผู้เขียนจึงได้ทำการสรุปให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้ว สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริง โดย Capcom พยายามที่จะเอาเกมมาวางจำหน่ายให้ได้ในปี 2022 M-Two เป็นผู้นำในการพัฒนา RE4 Remake จริง และทีมในการพัฒนาตอนนี้ก็ใหญ่กว่าตอน RE3 Remake มาก ภาคต่อไปที่จะวางจำหน่ายคือ Resident Evil 8 อย่างแน่นอน Resident Evil 4 Remake จะเป็นเกมที่วางจำหน่านหลังจากนั้น Shinji Mikami รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับโปรเจคนี้จริง ส่วนเหตุผลที่เขามาเป็นผู้นำในการพัฒนาไม่ได้ เป็นเพราะว่าติดโปรเจค GhostWire อยู่ จนถึงตอนนี้ข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาโดย Dusk Golem เรียกได้ว่าถูกต้องอยู่บ่อยครั้งมากๆ ดังนั้นความนาเชื่อถือของข่าวลือนี้จึงนับว่าสูงพอสมควร แต่อย่างไรมันก็เป็นแค่ข่าวลือ ยังไงคงต้องรอการประกาศจากทาง Official อีกครั้งครับ https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249474868023676934?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249474868023676934&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249475635690364929?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249475635690364929&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249476310335770624?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249476310335770624&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249476838650286080?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249476838650286080&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 Credit: GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
14 Apr 2020
ลือ Resident Evil 4 Remake กำลังพัฒนาอยู่ และจะออกในปี 2022!
หลังจากที่มีการวางขาย Resident Evil 2 Remake และ Resident Evil 3 Remake ออกมาแล้ว ก็มีการถามจาก Capcom ว่าแฟนๆ อยากได้ Resident Evil Remake ภาคอื่นๆ อีกรึเปล่า ซึ่งวันนี้ก็มีข่าวลือออกมาแล้วว่า Resident Evil ภาคต่อไปที่จะถูกนำมาทำเป็นภาค Remake ก็คือภาคที่มี Leon s Kennedy เป็นพระเอก และเป็นเหตุการที่เกิดขึ้นหลังจากภาค 2 อีก 6 ปี หรือก็คือ Resident Evil 4 นั้นเองครับ! ข่าวนี้ถูกปล่อยออกมาจากทาง VGC ซึ่ง Resident Evil 4 Remake นั้นจะได้หนึ่งในผู้พัฒนา RE3 Remake อย่าง Studio M-Two มาเป็นผู้นำในการพัฒนา และวางจำหน่ายในปี 2022 โดยในตอนแรกนั้นดูเหมือนจะมีการร้องขอให้คุณ Shinji Mikami ผู้เป็น director ของเกม Resident Evil 4 เวอร์ชั่น Original มาเป็นผู้นำในการพัฒนา แต่เขาได้ทำการปฏิเสธ แล้วเลือกที่จะเป็นเพียงผู่ให้คำแนะนำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เหมือนกับทุกครั้งที่เราได้นำข่าวลือมาบอกให้กับทุกๆ คน เราจะย้ำเหมือนเดิมว่า ยังไงทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น และเป็นข่าวที่ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official เลย ดังนั้นขอให้อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดแบบ 100% ครับ Credit: Gamingbolt, VGC , PCGamer ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
13 Apr 2020
10 ศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil
Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมที่มีการออกแบบศัตรูในเกมได้น่ากลัวมาก อีกทั้งยังน่าจดจำเอามาก ๆ จนบางครั้งทำให้เราหลอนทุกครั้งที่เล่นเกมเลยก็มี เพื่อเป็นการต้อนรับการมาถึงของเกม Resident Evil 3 Remake พวกเรา GameFever TH จึงขอนำเสนอ 10 ศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil 10.Hunters Hunter หรือที่แฟน ๆ ของเกม Resident Evil เรียกว่านักตัดหัว โดยศัตรูตัวนี้มีความสามารถในการ 1 Hit Kill หรือตีทีเดียวตาย ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างกลัวที่จะเจอเจ้าตัวนี้ รวมถึงต้องมีสติทุกครั้งที่ต้องเจอมิฉะนั้นอาจจะต้องกลับไปห้องเซฟก็เป็นได้ 9.Lake Monster (Resident Evil 4) Lake Monster หรือว่าน้องปลายักษ์แห่งหนองน้ำประจำเกม Resident Evil 4 ที่เราจะต้องสู้ในฐานะบอสประจำเกม โดยใช้ฉมวกในการเอาชนะ ซึ่งปลาตัวนี้โหดมาก ๆ มีความว่องไว อีกทั้งยังสามารถทนทานดาเมจได้สูง แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะพระเอกอย่าง Leon ได้อยู่ดี 8.Cerberus Cerberus หรือ Zombie Dog น้องหมาในเกม Resident Evil ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็วที่สูง อีกทั้งยังมีขนาดเล็กทำให้ทำการเล็งยิงได้ยาก นอกจากนี้หากมันโจมตีพร้อมกันทั้งสองตัวเรียกได้ว่ารอดยากมาก ๆ เป็นอีกหนึ่งในศัตรูที่เมื่อได้ยินเสียก็กลัวแล้ว 7.Crimson Head zombies (Resident Evil remake) Resident Evil Remake ได้มีการเพิ่ม Zombie ชนิดใหม่เข้ามาในชื่อ Crimson Head Zombie หรือ Zombie ฉบับอัปเกรดเมื่อตายไปแล้วหนึ่งครั้ง โดยศัตรูตัวนี้มีความเร็วที่สูงมาก มีพลังโจมตีที่รุนแรงและมีเสียงร้องที่น่ากลัว ทำให้ในภาคนี้หลาย ๆ คนเลี่ยงที่จะฆ่า Zombie หรือหากจำเป็นต้องฆ่าก็ต้องหาไฟมาเผาศพ ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอ Jackpot ได้ 6.U-3 (Resident Evil 4) U-3 หรือมนุษย์ตะขาบในเกม Resident Evil 4 ที่มาในฐานะของ Boss ให้เราต่อสู้จุดเด่นของ U-3 นอกจากรูปร่างที่น่ากลัวแล้ว ศัตรูตัวนี้ยังมีท่าโจมตีที่รุนแรงมากโดยมือขวาของมันสามารถหักคอ Leon ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งตัวมันเองยังมีร่างที่สองที่จะมีใบมีดแหลมคมคอยโจมตีผู้เล่นซึ่งหากโดนจับแล้วกด Quick Time Event ไม่ทันก็เตรียมตัวเจอภาพ Leon ร่างกายขาดสองท่อนได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถที่จะมุดดินได้อีกด้วยเรียกได้ว่าน่ากลัวสุด ๆ 5.Chainsaw Man (Resident Evil 4-5) สำหรับศัตรูตัวนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ Chainsaw Man หรือ Dr Salvador มนุษย์เลื่อยยนต์สุดโหด ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องหัวหลุดออกจากบ่ามาแล้ว โดยศัตรูตัวนี้จะมาพร้อมกับเสียเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เราต้องหวาดระแวง ซึ่งแม้ว่าจะเล่นจบหลายรอบก็ยังคงกลัวศัตรูตัวนี้ 4.Mr. X (Resident Evil 2) Mr. X หรือ Tyrant - 00 ถือว่าเป็นหนึ่งศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil 2 ที่จะออกตามล่าเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ลำตัวขนาดใหญ่ทีน่าหวั่นเกรงและการโจมตีที่หนักหน่วง ทำให้เราไม่อยากที่จะปะทะกับศัตรูตัวนี้ นอกจากนี้ศัตรูตัวนี้ยังกลายเป็น Boss สุดโหดให้เราได้ต่อสู้ในตอนท้ายอีกด้วย 3.Nemesis (Resident Evil 3) Nemesis ถือว่าเป็นหนึ่งใน Boss ของเกม Resident Evil ที่แฟน ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโหด ด้วยลำตัวขนาดใหญ่ ความเร็วในการเคลื่อนที่สูง เสียงคำรามอันน่ากลัวและการตามล่าเราอย่างไม่ลดละ ทำให้ Boss ตัวนี้เป็นหนึ่งในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ยิ่งตัวเกมภาคนี้ได้รับการ Remake ใหม่ ทำให้เราจินตนาการไม่ออกว่า Nemesis เวอร์ชันนี้จะแกร่งขนาดไหน 2.Lickers (Resident Evil 2 Remake) หากพูดถึงศัตรูธรรมดาที่แกร่งไม่แพ้บอส Lickers ใน Resident Evil 2 ฉบับ Remake ถือว่าตอบโจทย์มาก แม้ว่าศัตรูตัวนี้จะตาบอดแต่ก็มีกรงเล็บที่แหลมคม ความเร็วที่ว่องไวและประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม ทำให้เราไม่อยากที่จะปะทะกับสิ่งนี้ตรง ๆ ยิ่งคุณเล่นในโหมด Hardcore ศัตรูตัวนี้จะโหดจนคุณต้องร้อง 1.Regeneradores (Resident Evil 4) ปิดท้ายกันด้วยศัตรูสุดน่ากลัวของซีรีส์ Resident Evil กับ Regeneradores ศัตรูสุดแกร่งประจำเกม Resident Evil 4 ที่แม้ว่ามันจะเดินช้า แต่ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ยิงส่วนไหนก็งอกได้ แถมทนทานกับลูกกระสุนอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันอัปเกรดที่มีหนามเต็มตัว ยิ่งเพิ่มความโหดให้กับศัตรูตัวนี้ไปอีก ทางเดียวที่จะชนะมันได้คือการใส่กล้อง Infrared แล้วยิงปรสิตในตัวของมันจึงจะชนะอย่างง่ายดาย นอกจาก 10 ศัตรูนี้แล้วเพื่อน ๆ คิดว่ามีศัตรูตัวไหนที่น่ากลัวบ้างลองบอกกันมาได้เลย
24 Mar 2020
5 อันดับเกม Resident Evil ขายดีที่สุด
Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าชื่อนี้จะไปอยู่ภาพยนตร์ แอนิเมชัน การ์ตูนหรือแม้แต่สินค้าต่าง ๆ ก็สามารถดึงเงินได้จากเหล่าแฟน ๆ ไม่ยากเย็นแล้วเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันหรือว่าเกม Resident Evil ภาคไหนที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดวันนี้เรา GameFever TH จะพามาหาคำตอบกัน **บทความนี้อ้างอิงจากเว็บไซต์ vgsales.fandom.com ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต *** 5.Resident Evil 2 (1998) ยอดขาย 6,114,370 ชุด Resident Evil 2 ฉบับดั้งเดิมถือว่าเป็นหนึ่งในเกม Resident Evil ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยตัวเกมได้มีการปรับปรุงระบบการเล่นแบบใหม่ที่สามารถเล่นได้ถึง 4 แบบ พร้อมเปิดตัวละครใหม่ที่เอาใจหนุ่ม ๆ อย่าง Claire สาวห้าวสุดสวยและ Leon หนุ่มหล่อขวัญใจสาว ๆ จึงไม่แปลกที่เกมนี้จะทำยอดขายได้มากถึง 6.14 ล้านชุด นอกจากนี้ตัวเกมยังได้รับการ Remake ขึ้นมาใหม่และวางจำหน่ายในปี 2019 ก็ทำยอดขายได้ใกล้เคียงกันที่ 5.8 ล้านชุด (17/02/2020) 4.Resident Evil 7: Biohazard ยอดขาย 7,000,000 ชุด ถือว่าเป็นหนึ่งในเกม Resident Evil ภาคหลักที่ได้เปลี่ยนจากมุมมองบุคคลที่ 3 ที่แฟน ๆ คุ้นเคยสู่มุมมองบุคคลที่ 1 พร้อมกับปรับธีมของเนื้อเรื่องจากไวรัสมรณะเป็นคฤหาสน์ร้างสยองขวัญสไตล์หนังตะวันตก พร้อมกับเปิดตัวละครเอกใหม่อย่าง Ethan แม้ว่าทาง Capcom จะเตรียมใจไว้แล้วว่าภาคนี้ยอดขายอาจจะไม่ดีนักแต่ด้วยพลังของแฟน ๆ Resident Evil เกมนี้ก็สามารถทำยอดขายได้มากถึง 7 ล้านชุด 3.Resident Evil 4 ยอดขาย 8,628,067 หากพูดถึงเกม Resident Evil ที่ครองใจเหล่าเกมเมอร์และเป็นที่รู้จักมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Resident Evil 4 ที่ได้ทำการปฏิวัติซีรีส์ใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้มุมมองบุคคลที่ 3 แบบมองข้ามหัวไหล่ พร้อมกับเพิ่มความเป็น Action เข้าไปในเกม ทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับการพอร์ทไปยังเครื่อง Console เกือบทุกรุ่น ทำให้ในปัจจุบันเกมนี้มียอดขายมากถึง 8.6 ล้านชุด 2.Resident Evil 6 ยอดขาย 10,731,400 หลังจากที่เกม Resident Evil 5 ประสบความสำเร็จอย่างงดงามพร้อมกับเปิดตัวระบบการเล่นแบบ Co-Op ทำให้ในเกม Resident Evil 6 ทาง Capcom ได้อัปเกรดความนิยมไปอีกขึ้นด้วยการเพิ่มตัวละครขวัญแฟน ๆ อย่าง Christ Redfield , Ada , Leon, Sherry birkin พร้อมกับตัวละครใหม่อีก 3 ตัว ทำให้ตัวเกมทำยอดขายได้อย่างมหาศาลถึง 10.7 ล้านชุด แม้ว่าจะถูกวิจารณ์อย่างมากทั้งในเรื่องของระบบการเล่น เนื้อเรื่องและองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมจากเหล่าแฟน ๆ ก็ตาม 1.Resident Evil 5 ยอดขาย 12,740,000 Resident 5 ถือว่าเป็นเกม Resident Evil ภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Capcom ด้วยการต่อยอดจากภาคที่ 4 ยกระดับกราฟิกในเกมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น พร้อมกับเพิ่มโหมดที่ให้เราสามารถสนุกร่วมกันได้กับเพื่อนอย่าง Co-Op ทำให้เกมได้สามารถทำยอดขายได้มากถึง 12.7 ล้านชุดและน่าจะครองตำแหน่งนี้ไปอีกนาน Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลเกมที่อยู่ร่วมกับเหล่าเกมเมอร์มาอย่างยาวนานเกือบ 25 ปี การที่เกมนี้ยังคงมีเหล่าแฟน ๆ สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอาจจะได้เห็นเกมนี้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นเราไปถึงรุ่นหลานก็เป็นได้ ไม่แน่เนื้อเรื่องของภาคต่อไป (Resident Evil 8) อาจจะมีการเปิดตัวลูกชายของตัวละครหลักในซีรีส์ก็เป็นได้ (ฮา)
18 Feb 2020
เปิดประวัติสาวแกร่ง Jill Valentine [Resident Evil]
ในตอนนี้หนึ่งในเกมที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอคอยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเกม Resident Evil 3 ฉบับ Remake ของทาง Capcom ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในภาคที่มีตัวร้ายน่าจดจำมากที่สุดตัวหนึ่งในซีรีส์ แต่วันนี้เรา GameFever TH จะพามาทำความรู้จักกับหนึ่งในตัวละครเอกของซีรีส์ที่ใคร ๆ ต่างหลงรักอย่าง Jill Valentine ประวัติเบื้องต้น Jill Valentine เกิดเมื่อปี 1974 เธอเป็นคนสัญชาติอเมริกันและเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส - ญี่ปุ่น กรุ๊ปเลือด B โดยภูมิหลังของเธอไม่มีข้อมูลอื่น ๆ ที่แน่ชัด นอกจากระบุไว้ว่าช่วงทศวรรษที่ 1990s เธอได้เข้าร่วมกันกองทัพบกสหรัฐในหน่วยของ Delta Force ที่เธอได้ฝึกฝนโปรแกรมต่าง ๆ ของทางกองทัพ ก่อนที่ในปี 1996 - 1998 ทาง Albert Wesker จะเห็นในแววของเธอจึงได้คัดเลือกเข้ามาอยู่ในหน่วย Special Tactics and Rescue Service (S.T.A.R.S.) ซึ่งเป็นหน่วยพิเศษสังกัดกรมตำรวจเมือง Raccoon City Resident Evil: 1 ช่วงต้นฤดูร้อนปี 1998 ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญขึ้นในคฤหาสน์ Spencer ทำให้ทางกรมตำรวจ Raccoon City ได้ส่งหน่วย S.T.A.R.S. ทีม Bravo เข้าไปยังที่เกิดเหตุแต่ทีมก็ขาดการติดต่อเป็นเวลาถึง 24 ชั่วโมง ทำให้ทางกรมตำรวจต้องส่งอีกหน่วยเข้าไปคือทีม Alpha เข้าไปสำรวจยังที่เกิดเหตุซึ่งประกอบไปด้วย Barry Burton , Joseph Frost, Chris Redfield, Jill Valentine, Vickers Brad , และ Albert Wesker ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล โดยในตอนแรกเธอคิดว่าเหตุการณ์นี้คือการฆาตกรรมปกติ แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอได้เจอกับอาวุธชีวภาพของทาง Umbrella Cooperation จนเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดก่อนที่จะรู้ในภายหลังว่านี่คือฝีมือของ Albert Wesker ที่ต้องการทดสอบอาวุธชีวภาพของเขาและในที่สุดเธอจึงหนีรอดออกมาจากคฤหาสน์หลังนี้ได้ Resident Evil: 3 หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกได้มีการขอให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ Spencer โดยละเอียด พร้อมทั้งตรวจสอบบริษัท Umbrella Cooperation ที่ผลิตอาวุธชีวภาพแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางหัวหน้าของพวกเขาและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทำให้หน่วย S.T.A.R.S. ต้องทำการสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเอง โดย Jill ตัดสินใจที่จะอยู่ในเมือง Raccoon City เพื่อทำการสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับห้องทดลองใต้ดินของบริษัทในเมืองนี้อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้เริ่มต้นการสืบสวนเมื่อเชื้อ T-Virus ได้ระบาดมาในท่อระบายน้ำของเมือง ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซอมบี้ นอกจากนี้ทาง Umbrella เองก็ได้ถือโอกาสนี้ในการทดสอบประสิทธิภาพของอาวุธชีวภาพโดยการส่ง Nemesis-T Type พร้อมกับเป้าหมายในการสังหารหน่วย S.T.A.R.S. ให้หมด หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้เธอติดอยู่ในอะพาร์ตเมนต์จนถึงวันที่ 27 กันยายน 1998 เธอจึงตัดสินใจที่จะหนีออกจากที่พักไปหลบอยู่ในโกดังกับ Dario Rosso ก่อนที่เธอจะตัดสินใจในการออกไปยังสถานีตำรวจเมือง Raccoon City เนื่องจากคิดว่าสถานที่นี้ปลอดภัยแต่เมื่อเธอไปถึงเธอก็พบว่าไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยอีกแล้วในเมืองนี้ ก่อนที่เธอจะได้รับสัญญาณวิทยุจาก Carlos Oliveira แห่งหน่วย U.B.C.S. (Umbrella Biohazard Countermeasure Service) นั่นทำให้เธอต้องร่วมมือกับสมาชิกของหน่วย U.B.C.S. ในการเอาตัวรอดออกจากเมืองแห่งนี้ให้ได้ แต่การหลบหนีออกจากเมืองนี้ก็แสนยากลำบากเพราะ Nemesis พยายามที่จะขัดขวางเธอตลอดจนทำให้เธอติดเชื้อ T-Virus จนเธอสลบไปถึงสองวันแต่ก็ได้ Carlos มาช่วยเหลือไว้ทำให้เธอยังปลอดภัยและรู้ภายหลังว่าทางรัฐบาลกำลังจะสั่งยิงนิวเคลียร์ใส่เมืองนี้เพื่อกวาดล้างพื้นที่ โดยทางรอดเดียวของเธอคือการหนีไปยังโรงงานขยะชีวิภาพด้านเหนือของเมืองหลังจากที่ผ่านฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนสามารถหนีรอดออกมาจากเมืองได้เธอจึงตัดสินใจที่ต่อสู้กับ Umbrella Cooperation แบบเต็มตัวในนามของ Private Anti-Biohazard Service จาก Private Anti-Biohazard Service สู่ BSAA หลังจากที่ Jill ได้เข้าร่วมกลุ่ม Private Anti-Biohazard Service ร่วมกับ Chirs ในการออกสำรวจและตรวจสอบการมีอยู่ของอาวุธชีวภาพ โดยพวกเขาสืบทราบว่าทางตอนเหนือของทวีปยุโรปได้มีห้องแล็บของ Umbrella ภายใต้การดูแลของอดีตผู้นำUmberlla ที่มีชื่อว่า Sergei Vladimir ก่อนที ทำให้พวกเขาบุกไปยังฐานทัพแห่งนั้นและได้ต่อสู้กับ T-A.L.O.S. (Tyrant-Armored Lethal Organic System) สุดยอดอาวุธของชีวภาพของ Umbrella ก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะได้และทางบริษัทก็เริ่มล่มสลาย หลังจากการบุกทำลายฐานทัพครั้งนั้นทำให้ทางบริษัทเริ่มที่จะล้มละลาย ส่งผลอาวุธชีวภาพของ Umbrella ถูกวางจำหน่ายในตลาดมืดจึงต้องมีการตั้งหน่วย BSAA (Bioterrorism Security Assessment Alliance) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านอาวุธชีวภาพเหล่านี้ ซึ่งเธอก็ได้เข้าร่วมเช่นกัน Resident Evil : Revalation 1 ในปี 2004 ได้เกิดเหตุการณ์ Terragrigia Panic หรือเหตุการณ์ที่เมือง Terragrigia ถูกทำลายด้วยอาวุธชีวภาพ ทำให้ทาง Federal Bioterrorism Commission จึงได้มอบหมายให้หน่วย BSAA ทำการสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็พบว่าเรื่องราวเหล่านี้มีที่มาไม่ชอบมาพากล โดยในปี 2005 Jill และคู่หูใหม่อย่าง Parker Luciani ได้ออกไปสืบสวนเหตุการณ์ประหลาดในชายฝั่งประเทศอิตาลีก่อนที่จะพบว่านี่คือไวรัสตัวใหม่นามว่า t-Abyss Virus ในขณะนั้นเองทั้งคู่ได้รับคำสั่งมาว่า Chirs และ Rachel ขาดการติดต่อหลังจากออกปฏิบัติภารกิจทางทะเลทำให้ทั้งคู่รีบมุ่งหน้าไปทันที โดยหลังจากแกะรอยสัญญาณพบว่ามาจากเรือ Queen Zenobia แต่เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนเรือก็พบว่านี่คือกับดักและย้ายไปยังเรือ Queen Semiramis ที่นั่นทำให้พวกเขารู้ว่า FBC มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเชื้อไวรัส t-Abyss Virus เธอเองก็เอาชีวิตไม่รอดแต่ก็ได้ Chris และ Rachel เข้ามาช่วยไว้ได้ทันก่อนจะรู้ว่า Morgan Lansdale อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมด Resident Evil 5 หลังจากเหตุการณ์เรือ Queen Zenobia ทาง Chris และ Jill ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ของ Dr. Oswell E. Spencer ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Umbrella Pharmaceuticals ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะบุกไปยังคฤหาสน์ของ Osewll ทันแต่พวกเขาก็ไปช้าเกินไปเพราะ Wesker ได้ไปถึงก่อนและทั้งสามคนได้ต่อสู้กันก่อนที่ Jill จะเสียสละตัวเองผลัก Wesker ตกหน้าผาไปพร้อมกัน Chris ได้คิดว่าเธอตายแล้ว แต่ในความเป็นจริงเธอยังไม่ตายและถูก Wesker ควบคุมให้ทำเรื่องต่าง ๆ โดยเธอจะสวมหน้ากาก(Lady Bird) และปฏิบัติการอยู่ในประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งเธอคือคนที่นำเอาไวรัส Plaga Type 2 ไปแพร่ระบาดยังบริเวณ  Kijuju Autonomous Zone ทำให้ Chris และ Shiva เจ้าหน้าที่ BSAA ต้องเข้ามาตรวจสอบ หลังจากที่สืบจนรู้ความจริง Chris ก็สามารถที่จะช่วย Jill ให้หลุดจากการควบคุมของทาง Wesker ได้และได้ร่วมมือกับ Josh ในการหนีออกจากห้องทดลองของ TRICELL ก่อนที่เธอจะรู้ว่าไวรัสที่ทาง Wesker ได้รับมาไม่เสถียรและต้องการมีการฉีดเซรุ่ม ทำให้เธอบอกเรื่องนี้กับ Chris จนเขาและ Shiva สามารถต่อกรกับ Wesker ได้สำเร็จ หลังจากเหตุการณ์จบลงเธอได้เข้าไปอยู่ในห้องแล็บของทาง BSAA เพื่อที่จะตรวจสอบร่างกายเธออย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรวมถึงเชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวเธอ ถึงกระนั้นเธอยังคงที่จะเตรียมตัวในการออกไปต่อสู้กับเหล่าอาวุธชีวภาพเสมอ จะเห็นได้ว่า Jill Valentine ถือว่าเป็นหนึ่งในหญิงแกร่งจากเกม Resident Evil ที่ต่อให้ต้องเจอกับอาวุธชีวิภาพที่ร้ายแรงขนาดไหนเธอก็ไม่เคยที่จะกลัว การที่เกม Resident Evil 3 ฉบับ Remake ได้ออกมาให้เราเล่นในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการดีที่เราจะได้ลองดูมุมมองใหม่ ๆ ของเธอ อ้างอิงจาก:residentevil.fandom.com
20 Jan 2020
Resident Evil 0, 1 และ 4 เตรียมลงให้กับ Nintendo Switch
สามภาคคลาสสิคของเกมสยองขวัญเตรียมมาเอาใจสาวกค่ายลุงหนวด ที่ว่าล่าสุดทางทาง Capcom ได้ประกาศนำเกม Resident Evil 0, Resident Evil 1 HD Remake และ Resident Evil 4 ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2019 นี้ โดยทุกคนสามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 เป็นต้นไป โดยโซน UK สามารถซื้อแบบดิจิตอลได้ใน Nintendo Eshop ส่วนทางโซน North America นอกจากจะซื้อแบบดิจิตอลได้แล้ว ท่านก็สามารถซื้อตัวเกมแบบกล่องแพ็คสาม จากร้านค้าปลีกต่างๆ ได้อีกด้วย Resident Evil 0, 1, and 4 are coming to Nintendo Switch eShop on May 21! Play all three masterpieces anywhere, such as: - On trains ? - During mansion tours ? - Across the European countryside ? Pre-orders start on Feb 28! pic.twitter.com/BCzatyoUhU — Resident Evil (@RE_Games) 25 กุมภาพันธ์ 2562 โดยเกมทั้งสามภาคนี้เป็นภาคที่หลายๆ คนต่างชมถึงความยอดเยี่ยม ในเรื่องความน่ากลัว และความคลาสสิคของมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเกมก็ได้ลงให้ครั้ง PC, PS4 และ Xbox One และทำการรีมาสเตอร์ให้ภาพสวยขึ้นด้วย ที่มา
26 Feb 2019
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Resident Evil 4"
Resident Evil 4 เวอร์ชัน VR จะลงให้ Oculus Quest 2 ในวันที่ 21 ตุลาคมนี้!
เป็นที่รู้กันดีว่า Resident Evil 4 นั้น เป็นเกมในซีรีส์ Resident Evil ที่โด่งดังมากที่สุดภาคหนึ่ง และได้รับการพอร์ตลงไปในเครื่องเกมแพล็ตฟอร์มต่างๆ มากมายมาโดยตลอด ซึ่งดูเหมือนว่าทาง Capcom เองก็ยังคงหาวิธีพอร์ตมันออกมาในแพล็ตฟอร์มใหม่ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง (ให้ Shinji Mikami คว้านท้องอีกครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้) และดูเหมือนว่าการพอร์ตในครั้งนี้ก็ดูจะน่าสนใจเป็นพิเศษ เมื่อ Resident Evil 4 นั้นเตรียมจะกลายเป็นเวอร์ชัน VR สำหรับเครื่อง Oculus Quest 2 แล้วอย่างเต็มรูปแบบ!ซึ่งตัวเกมดังกล่าวนั้นมีกำหนดจะวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม และในตอนนี้ตัวเกมก็ได้ทำการปล่อยวิดีโอเกมเพลย์บางส่วนออกมาให้เราได้เห็น ทั้งความเคลื่อนไหวในการแก้ไขปริศนา การต่อสู้กับศัตรูต่างๆ ภายในเกม รวบไปถึงการใช้ไอเทมต่างๆ อย่างที่เราสามารถทำได้เหมือนการเล่นปกติอย่างไรก็ดี Resident Evil 4 นั้นจะเปิดตัวสำหรับ Oculus Quest 2 ในวันที่ 21 ตุลาคม ในขณะที่ตอนนี้เองก็ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วอยู่ว่าทาง Capcom อาจกำลังตั้งใจจะสร้าง Resident Evil 4 เวอร์ชันรีเมคอยู่ก็เป็นได้ค่ะ <iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/d3Qmy0tHjxo' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
28 Sep 2021
ฆ่า Brand เพื่อ RE Brand: กรณีศึกษาทิศทางที่เปลี่ยนไปของซีรีส์ Resident Evil
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ ผู้เขียน เขียนโดยใช้ข้อมูลอ้างอิงของ Resident Evil ภาคแกนหลัก โดยไม่ได้แตะไปที่ภาคปลีกย่อย แต่ขอให้เป็นที่รับรู้และเข้าใจโดยทั่วกันว่า กระบวนการที่ Capcom ได้ทำกับซีรีส์นั้น เกิดขึ้นในภาพกว้าง โดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ภาคใดภาคหนึ่ง หรือสื่อใดสื่อหนึ่งเป็นการเฉพาะ หมายเหตุ 2 : ในขณะที่ผู้เขียนเขียนงานชิ้นนี้ ก็เป็นช่วงเวลาดียวกับที่คุณ Jeanette Maus ผู้ให้เสียงและ Mo-Cap ‘ลูกสาวแวมไพร์’ ใน Resident Evil : VILLAGE ได้เสียชีวิตด้วยมะเร็งลำไส้ ในวัย 39 ปี ผู้เขียนขอแสดงความอาลัยต่อการจากไป และขอให้วิญญาณของเธอไปสู่ภพภูมิที่ดี เนื่องด้วยเธอได้ดำรงความเป็นอมตะในบทบาทอันสุดยอดเป็นที่จดจำได้ในทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดตัว บนชิ้นงานที่จะสืบทอดต่อไปอีกนานเท่านาน และในขณะนี้ ทางครอบครัว Maus ยังเปิดรับเงินบริจาคสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ลำบาก ซึ่งคุณสามารถร่วมบริจาคได้ ที่นี่ *********************************************************************************************************** ย้อนเวลากลับไปที่ปี 1998 หรือเมื่อประมาณ เกือบยี่สิบสามปีที่แล้ว ในช่วงเวลาที่เครื่อง Playstation รุ่นแรกยังคงเฟื่องฟู ผู้เขียนยังเป็นเพียงเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์การเล่นเกมบนระบบดังกล่าวเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่นทั่วไป และเป็นเวลาเดียวกับที่ซีรีส์ ‘Resident Evil’ เกมผจญภัยสยองขวัญชื่อดังของ Capcom กำลังติดลมบน จากความสำเร็จของภาคแรก และตีเหล็กกำลังร้อนของภาคที่สอง ที่แทบจะเรียกว่าร้านเกมทุกแห่งจะต้องมี และแข่งกันเล่นกับเพื่อนฝูงว่าใครจะสามารถเล่นได้เร็วที่สุด เก่งที่สุด ปลดล็อคความลับที่ซ่อนอยู่ได้มากที่สุดกว่ากัน ในยุคที่ยังไม่มีประดิษฐกรรมที่เรียกว่า ‘Achievements’ นั้น นับเป็นความท้าทายที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองและเสียงเชียร์จากเพื่อนเป็นรางวัลล้วนๆ ไม่มีเป็นอื่นใด เห็นแบบนี้ แต่นี่สุดยอดกราฟิกระดับ Next-Gen ของปี 1998 ที่ทุกคนต้องสัมผัส สำหรับ Resident Evil 2 และด้วยความนิยมอันมหาศาลของ Resident Evil 2 นี้เอง ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ ‘อ่าน’ หนังสือการ์ตูนแบบ Pirate หรือแบบพิมพ์อย่างไม่ถูกลิขสิทธิ์ ที่เอาผลงานเขียนโดยนักเขียนสายไต้หวัน (ในชื่อ Manhua [生化危機]) ที่เอาความเป็นซีรีส์ RE มาเป็นกรอบ เคลือบความเป็นการ์ตูนกำลังภายใน และเนื้อหาข้างในก็ถูกยำใส่สีตีไข่จนมั่วและแทบไม่เหลือเค้าเดิม ผู้เขียนได้แต่นั่งอ่านไปและถอนใจ ทั้งในความบรรเจิดของคนเขียน ความพยายามที่จะทำมาหากิน และความ ‘เพ้อเจ้อ’ ของการ์ตูนกำลังภายใน ที่ดูเหมือนจะหยิบจับอะไรก็ได้ มาบิดดัดให้กลายร่างเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะสามารถไปในแนวทางเหล่านั้น ให้กลายเป็นการปล่อยพลังวรยุทธ์ขั้นที่สาม สี่ และห้า ได้อย่างเข้าใจจะหาทำ... Leon ผู้สำเร็จเคล็ดวิชา G-Virus ขั้นที่ห้า ..... ก็คงมีแต่การ์ตูนจอมยุทธ์สายไต้หวันนี่ล่ะ ที่กล้าและบ้าพอจะหาทำ... แต่มาในวันนี้ ยี่สิบกว่าปีผ่านไป … กับซีรีส์ Resident Evil ที่เดินทางออกห่างจากภาค 2 มาไกลจนถึงภาค 7 และภาค VILLAGE ที่กำลังจะวางจำหน่าย แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เท่ากับการที่ Leon ได้เคยเป็นยอดจอมยุทธ์แห่ง G-Virus ในหนังสือการ์ตูน แต่การได้เห็น Leon กลายเป็นสุดยอดสายลับ (และนักทำลายล้างยานยนต์ทุกชนิดที่ขับขี่…), Chris Redfield ต่อยหินลาวา, Jill Valentine เป็นสุดยอดอาวุธชีวภาพเดินได้, Albert Wesker กลายเป็นสุดยอดมนุษย์กลายพันธุ์ และการผจญภัยของ Ethan Winters ที่ต่อมือขาดด้วยไวรัสได้ง่ายเหมือนหยอดยาแดงเบตาดีน (และแน่นอน… ได้เห็น Joe Baker ต่อยเหล่า ‘Molded’ ตัวขาดด้วยหมัดเปล่าใน End of Zoe ภาคเสริมของ Resident Evil 7…) วินาทีที่ Chris Redfield ผลักหินลาวา ความเป็น Resident Evil ก็แบบดั้งเดิมก็จากลาในความรู้สึกของผู้เขียนไปเรียบร้อยแล้ว... ทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้เขียนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นักเขียนการ์ตูนไต้หวันเหล่านั้น มีญาณทิพย์เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ล่วงหน้าเป็นสิบกว่าปีหรือไม่ เพราะแม้จะไม่ได้เวอร์วังในสเกลเดียวกัน แต่ถ้าเทียบกับต้นกำเนิดหลักแล้ว ก็ต้องบอกว่าซีรีส์ RE นั้น ‘มาไกล’ จนเกือบเข้าข่าย ‘เพ้อเจ้อ’ อยู่ไม่น้อย และยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมันกลายเป็นหนังอย่าง Texas Chainsaw Massacre หรือ The Hills have Eyes ในธีมตระกูล Baker ของภาค 7.... แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะถ้ามองในแง่มุมการตลาดแล้ว เราจะพบว่า มันเป็น ‘กระบวนการ’ ที่ผ่านการคิดและการสร้างมาอย่างเป็นระบบ ด้วยความตั้งใจ และการใช้เวลา และเป็นการ ‘รีแบรนด์’ แบบเล่นใหญ่ในตลอดยี่สิบห้าปีในประวัติศาสตร์ของซีรีส์ที่ผ่านมา ถูกสะสม ลองผิดลองถูก และผ่านการ ‘ถูกฆ่า’ เพื่อหาสูตรสำเร็จในแต่ละช่วงเวลามาอย่างห้าวหาญมานับไม่ถ้วน ซึ่งน้อยซีรีส์นักที่จะมีความกล้าในการลงมือทำในสิ่งเหล่านี้ จนนี่ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย อะไรคือการ ‘รีแบรนด์’ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘รีแบรนด์’ มาบ้างจากวิชาทางด้านการตลาดและเศรษฐศาสตร์ ถ้ากล่าวโดยสรุปนั้นคือ มันเป็นกลยุทธ์ที่สินค้าและบริการหนึ่งๆ ใช้ ในการปรับ ‘ภาพลักษณ์’ เพื่อเข้าถึงความต้องการและการจดจำของลูกค้า โดยมีเหตุผลและความจำเป็นสำหรับการ ‘รีแบรนด์’ ที่สามารถสรุปได้คร่าวๆ ดังต่อไปนี้ -กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้นๆ มีความเปลี่ยนแปลงไป -มีความต้องการที่จะขยายตลาดให้หลากหลาย และกว้างขวางมากขึ้น -มีสัญญาณของการ Disrupt หรือการเข้ามาของสิ่งใหม่ ที่จะทำให้รูปแบบการทำธุรกิจหรือสินค้าเดิมล้าสมัย -สัญญาณของการไม่ปรับตัวจะทำให้แบรนด์กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม ที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ไปเป็นเพียงเหตุ ‘คร่าวๆ’ เพราะปัจจัยในการรีแบรนด์นั้นยังมีอีกมาก (และผู้เขียนก็คงไม่ขอยกมาทั้งหมด ไม่เช่นนั้นบทความนี้อาจจะกลายเป็นตำรา Marketing 101 ไปเสียก่อน…) แต่เชื่อหรือไม่ว่า การรีแบรนด์นั้น เกิดขึ้นมาโดยตลอด และไม่เฉพาะกับแบรนด์ขนาดเล็กหรือขนาดกลาง แต่กับแบรนด์ขนาดใหญ่นั้น กลับเป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่ผ่านขั้นตอนการ ‘รีแบรนด์’ อย่างหนักหน่วงมากที่สุด เช่น แบรนด์ Starbucks, Marvel Studios หรือของไทยอย่าง Bar-B-Q Plaza ที่ปรับภาพลักษณ์ขององค์กรอายุ 30 ปีให้สดใส จนคนคุ้นเคยกับ พี่ก้อน หรือ บาร์บีกอน กันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การ รีแบรนด์ นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มีผลต่อความเชื่อใจของผู้บริโภคอย่างสูง ถ้าทำอย่างไม่ระวัง ผลเสียที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงกว่าการไม่ทำอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ นั่นทำให้การ รีแบรนด์ คือมาตรการสุดท้าย ในสภาวะที่แบรนด์ส่อเค้าว่าจะวิกฤติ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง ใครๆ ก็รักพี่ก้อน และพี่ก้อน ก็คือผลลัพธ์จากการ รีแบรนด์ ครั้งสำคัญของ Bar-B-Q Plaza ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด จำเป็นแค่ไหนที่ Resident Evil จะต้อง ‘รีแบรนด์’? อันที่จริง ในช่วงเวลาที่เป็นขาขึ้นที่สุดของซีรีส์ Resident Evil อย่างภาคสองนั้น มันแทบจะเป็นจุดที่ทาง Capcom เองไม่ต้องกังวลใดๆ กับการดำรงอยู่ของแบรนด์นี้ในสายการผลิตของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ว เราจะพบว่า มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่จะนำซีรีส์นี้ไปสู่ ‘ทางตัน’ ได้ หากผู้พัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวิสัยทัศน์ของ Shinji Mikami ผู้เป็นโปรดิวเซอร์หลักของซีรีส์ได้มองเอาไว้ ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างเสียแต่เนิ่นๆ -ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี : การเล่นในแบบมุมกล้อง CCTV Camera นั้น เป็นรูปแบบเก่าที่เกิดจากข้อจำกัดในการแสดงผล ซึ่งมันจะล้าสมัยไปในไม่ช้า -พื้นหลังเรื่องราว : วิกฤติซอมบี้ระบาดในพื้นที่จำกัด กับศัตรูรูปแบบเดิมเช่นนี้ จะเล่นได้อีกนานแค่ไหน? -การพัฒนาตัวละคร: บรรดาตัวละครทั้งหลายที่อยู่ในเนื้อหา จะสามารถเติบโตในทิศทางใด หากยังถูกจำกัดอยู่แต่ในกรอบเขตกีดกั้นของวิกฤติซอมบี้ระบาด? Resident Evil : Code: Veronica น่าจะเป็นจุด ถึงที่สุด ที่ Capcom ได้เห็นว่า แนวทางแบบดั้งเดิม ควรจะต้องหยุด และเริ่ม Disrupt ตัวเองได้เสียที เอาเพียงแค่สามข้อ มันก็ดูจะเพียงพอแล้วที่เราจะเห็นว่า ปลายทางของ Resident Evil ในแบบ ‘ดั้งเดิม’ นั้น ไม่อาจฝ่าคลื่นนาวาของความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะถาโถมเข้ามาได้ (และดูเหมือนว่าจะยิ่งชัดเจนที่สุดกับภาค Code Veronica ที่น่าจะถึงที่สุดของการนำเสนอและการเล่นใน ‘แบบเก่า’ ไปแล้ว) นอกไปเสียจากทางตัน และยิ่งโดยตัวของ Shinji Mikami เองที่ได้มีโอกาสไปกำกับเกมอื่นๆ ของค่าย เขาก็ยิ่งเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้ซีรีส์ Resident Evil ‘ไปได้ไกล’ มากกว่าที่เป็น และเป็นเหตุผลที่เขาเริ่มทำ ‘Resident Evil 4’ และโลกของ RE ก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป …. ’ฆ่า Brand’ เพื่อ ‘RE : แบรนด์’ เป็นที่แน่นอนแล้วว่ากระบวนการ ‘รีแบรนด์’ นั้น คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนในฐานคิดของทีม Capcom ถ้าพวกเขาอยากจะก้าวต่อไปกับซีรีส์นี้ แต่กระนั้น ด้วยความที่ Resident Evil คือหนึ่งในเกมระดับแม่เหล็กของค่าย การเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างฉุกละหุก และโดยปัจจุบันทันด่วนนั้น อาจจะก่อให้เกิดผลเสียที่จะตามมา และนั่น ทำให้เกิดเป็นแผน ‘ระยะยาว’ ที่ไม่ว่าพวกเขาจะตั้งใจหรือไม่ แต่พวกเขาก็ได้ดำเนินการ ‘ฆ่า’ สามเสาหลักที่สำคัญของแบรนด์ RE และดัดแปลงมันเพื่อขยายขอบเขตความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับซีรีส์อย่างเป็นระบบ ที่เรา ในฐานะผู้เล่น อาจจะรู้สึกว่า พวกเขากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ แต่เชื่อเถอะว่า นี่เป็นขั้นตอนที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อมองในภาพกว้าง แล้วพวกเขาได้ ‘ฆ่า’ อะไรไปบ้าง? 1.ฆ่า ‘บทบาทตัวละคร’ นี่เป็นจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ เพราะบรรดาตัวละครทั้งหลาย ย่อมมีพัฒนาการและการเติบโตตามระยะเวลา การจะยังคงรูปแบบ แนวคิด และลักษณะดั้งเดิมเอาไว้ จะทำให้มันกลายเป็นตัวละครที่มีมิติที่แบนราบ ไม่น่าสนใจ และดูเหมือนว่าทีม Capcom เองก็เห็นด้วย และ ‘ไปสุดทาง’ อยู่ไม่น้อย เพราะการที่เหล่าตัวละครจากคนธรรมดา ที่อาจจะเป็นเพียง ‘ผู้พยายามรอดชีวิต’ จากวิกฤติไวรัสซอมบี้ระบาด จนกลายมาเป็นสุดยอดโคตรคนที่ต่อกรกับทุกอุปสรรคได้อย่างเหนือมนุษย์นั้น ก็ออกจะพิสดารอภินิหารไปบ้าง แต่ในเมื่อมันเป็นตัวละครของ ‘พวกเขา’ แล้ว พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะยำมันได้ในขอบเขตที่ยังไม่ล้ำเส้นความเป็นไปได้จนเกินไป ซึ่งนั่นจะตามมาด้วยการ ‘ฆ่า’ ในข้อที่สอง 2.ฆ่า ‘พื้นหลังเรื่องราว’ จากจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่ Spencer Mansion นอกเขตเมือง Raccoon City ใน Resident Evil ภาคแรก มาสู่การเดินทางเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพของอดีตบริษัท Umbrella ที่ล่มสลาย และกระจายเข้าสู่ตลาดมืด จากวิกฤติไวรัสล้างเมือง สู่การใช้อาวุธชีวภาพตามพื้นที่ต่างๆ ก่อจนเกิดเป็นลัทธิวิปริตอย่าง Los Illuminados หรือบ้านตระกูล Baker ที่เหมือนหลุดมาจากหนัง Texas Chainsaw Massacre จากหน่วยสืบพิเศษ S.T.A.R.S. แห่งกรมตำรวจ Raccoon City สู่หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย Bioterrorism Security Assessment Alliance (BSAA) เหล่านี้ คือการเปลี่ยนพื้นหลังเรื่องราวหรือ Narrative เพื่อสอดรับกับการเติบโตและความเป็นไปของบรรดาตัวละครที่มีบทบาทที่แตกต่างออกไปจากเดิมของซีรีส์ Resident Evil นั่นเพราะถ้าหากยังคงบทบาทเก่า แนวคิดเก่า และ ‘ความสามารถ’ แบบเก่า มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาคงไม่สามารถรับมือกับวิกฤติการผีบ้าทั้งหลายที่ยกสเกลความพินาศขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวได้ Ada Wong คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ในด้านความ เหนือมนุษย์ ที่เปลี่ยนจาก Corporate Agent ธรรมดา ให้กลายเป็นโคตรสายลับสาวระดับพระกาฬที่เราคงไม่ต้องถามเรื่องความเวอร์วังอะไรจากเธออีก... และก็อีกเช่นเคย Capcom สนุกกับการเชือด Settings เก่าทิ้งอย่างเป็นระบบ ค่อยๆ สอดไส้ความเหนือมนุษย์ลงไปทีละหยดๆ จนมาถึงตอนนี้ เราคงไม่ค่อยแปลกใจกันนัก ถ้าหากจะเห็น Leon S. Kenedy เป็นยอดสายลับขับขี่ยานพาหนะเป็นพัง และเห็น Chris Redfield กลายเป็นโคตรทหารต่อยซอมบี้หัวขาดและฟาดหินลาวาด้วยหมัดเปล่า และเหล่าซอมบี้ง่อยๆ ก็กลายเป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และอีกหลายอันที่หลุดมาจากนรกขุมที่เท่าไรก็ไม่อยากจะนับ ก็เพราะพวกเขา ‘ชง’ ให้มันมาทางนี้ซะแล้ว ซึ่งการ ‘ตบ’ และ ‘ดื่ม’ ก็จะเกี่ยวข้องกับการ ‘ฆ่า’ ปัจจัยสุดท้าย 3.ฆ่า ‘เกมการเล่น’ นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ผู้เขียนขอยกมาไว้ตอนท้าย เพราะดังที่กล่าวไปข้างต้น เกมการเล่นดั้งเดิมของ Resident Evil ในแบบแรกเริ่ม ที่กำหนดมุมกล้องแบบ CCTV นั้น เกิดขึ้นจากความจำเป็นในข้อจำกัดของเทคโนโลยี และเป็นสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมผจญภัยสยองขวัญโคตรปู่ผีอย่าง Alone in the Dark (ที่ตอนนี้ตายซากกลายเป็นเป็นผีไม่มีที่ฝังและถูกลืมหายไปจากความทรงจำแล้วอย่างน่าเศร้า…) แต่เมื่อเทคโนโลยีในการนำเสนอเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความเป็นไปได้ใหม่ๆ ได้เดินทางเข้ามา ทีมพัฒนาของ Capcom ก็รู้แล้วว่า การ ‘Disrupt’ ครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง และถ้าพวกเขาไม่ขยับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลง ซีรีส์ RE ก็อาจจะกลายเป็นผีตามรุ่นพี่อย่าง Alone in the Dark ไปอีกเกม พวกเขานำร่องด้วยเกมอย่าง Resident Evil 4 ที่กลายมาเป็นเกม 3rd Person Shooter บนระบบ Gamecube ก่อนจะดำเนินตามแนวทางนี้มาจนถึงภาคที่ 6 และอย่ามองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญ เพราะการเปลี่ยน Genre หรือประเภทแนวเกม นั่นหมายถึงผู้พัฒนาเกม จะต้องสร้างเกมบนฐานคิด มุมมอง และทัศนคติด้วยแนวทางใหม่ เพราะเกมแต่ละประเภทก็มีจังหวะ มีลูกล่อลูกชน และมีรูปแบบในการนำเสนอความน่าสนใจที่แตกต่างกัน มี Pace ที่แตกต่างกัน แน่นอน Resident Evil ในแบบออริจินัลดั้งเดิม มุมกล้อง CCTV นั้นสามารถช้าได้ แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนเป็น 3rd Person Shooter แล้ว รูปแบบการเล่น การวางศัตรู การแก้ปริศนา และการสร้างความท้าทายก็จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นในทันที และเป็นไปในแบบที่เกมแนวเดิมไม่สามารถให้ได้ มันคือการ ฆ่า เกมแนวเก่า เพื่อโอบรับ แนวคิดใหม่" โดยแท้ และพวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ถึงสามภาคเต็มๆ ตั้งแต่ภาค 4 จนถึงภาคที่ 6 ในแบบสุดทาง และพวกเขาก็ Disrupt ตัวเองอีกครั้งในภาค 7 ที่พวกเขา ‘ทดลอง’ นำเอาความเป็น First Person Shooter มาใส่ความสยองขวัญแบบ RE ดั้งเดิมลงไป ซึ่งก็ให้ผลตอบรับในทางที่ดีอยู่ไม่น้อย จนกลายมาเป็นภาค VILLAGE ที่กำลังจะวางจำหน่าย ที่คิดว่าความเป็น First Person Shooter กึ่งสยองขวัญ น่าจะยังอยู่กับซีรีส์ RE ไปอีกสักระยะหนึ่งอย่างแน่นอน อนึ่ง แม้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในระดับ ‘หักศอก’ เกิดขึ้นในรอบ 25 ปีของซีรีส์ Resident Evil แต่ทีม Capcom ก็ไม่ได้ทิ้ง Core Value ของซีรีส์ ทั้งในเรื่องของการเป็นเกมสยองขวัญ, เอกลักษณ์ของจุดเซฟ, การบริหาร Inventory, การสืบทอด Entity หรือองค์กรอย่าง Umbrella ที่ดูจะเป็นปิศาจที่หลอกหลอนในเรื่องราวเกือบทุกภาค (แม้ว่าในเนื้อหาหลัก ตัวบริษัทจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม…) เพราะสำหรับพวกเขา ทีมพัฒนาจาก Capcom ซีรีส์ Resident Evil ก็ยังคงเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่าง ‘มนุษย์’ กับ ‘สิ่งเหนือธรรมชาติ’ ที่เกิดจากสิ่งที่ถูกสร้างโดยเทคโนโลยีในทางที่ผิด ส่วนผลลัพธ์ของการใช้เทคโนโลยีที่ว่านั้น จะออกมาในรูปแบบไหน คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำคัญอันใดอีกต่อไปแล้ว (โดยเฉพาะภาค VILLAGE ที่ดูจะยิ่งหลุดโลกหนักกว่าเดิม ที่คุณสามารถอ่านบทความสรุปเนื้อหาได้จาก ที่นี่) "และแน่นอน นั่นหมายรวมถึงขอบเขตที่ Resident Evil จะก้าวต่อไป ที่พวกเขาได้สลัดหลุดพ้น ‘กรอบกีดกั้น’ ของความเป็นเกมอาชีวิตรอดจากซอมบี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย…" จากวันแรกที่ Resident Evil ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 1996 จนมาถึงปีนี้ 2021 ที่ภาค VILLAGE จะวางจำหน่าย จากวันที่ Tyrant กับมือกรงเล็บสร้างความสยองขวัญ สู่ Lady Dimitrescu สตรีสูงศักดิ์ร่างยักษ์กับลูกสาว ‘แวมไพร์’ ในปราสาทยุโรปตะวันออกคือภัยร้ายแรงระดับถึงตาย จากวันที่ Leon S. Kenedy ยังเป็นตำรวจหน้าใหม่ที่บังเอิญโชคดีมาถึงเมืองช้า สู่การเป็นสุดยอดสายลับที่ขับยานพาหนะเป็นต้องพัง และจากวันที่ Shinji Mikami ตัดสินใจสร้าง Resident Evil ให้กำเนิดขึ้นมาบนโลก จนถึงวันที่เขาวางมือและปล่อยให้ซีรีส์ดำเนินไปตามทางของมัน และยังคงอยู่ได้ แม้เขาไม่ได้กุมบังเหียนมันอีกต่อไปแล้วก็ตาม Lady Dimitrescu สตรีสูงศักดิ์ร่างยักษ์กับเหล่า ลูกสาวแวมไพร์ ตัวร้ายของภาค VIlLAGE ที่สร้างกระแสฮือฮาบนโลกอินเทอร์เนตอย่างไม่หยุดฉุดไม่อยู่ แน่นอน มันมีกาสร้างที่ผิดพลาด มันมีการ experiment หรือการทดลองแนวคิดที่ไม่ประสบผล (ไม่ว่าจะเป็นภาค Outbreak ที่แนวคิดดีแต่ติดที่ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี หรือภาค Umbrella Corps แนว Multiplayer Shooter ที่อย่าไปพูดถึงมันเลยจะดีกว่า…) บางการ ทดลอง ของ Capcom ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จ เช่น Resident Evil : Umbrella Corps ที่สมควรถูกลืมไปซะจะดีกว่า ... แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ซีรีส์ Resident Evil คือหนึ่งในตัวอย่างของการ ‘ปรับตัว’ หรือ ‘รีแบรนด์’ ที่กระทำอย่างต่อเนื่อง รับรู้ข้อจำกัดตัวเอง และรีบดำเนินการในทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครมากระตุ้นเตือนหรือทำให้รับรู้ว่าตัวเอง ‘ตกเทรนด์’ เพราะพวกเขาเป็นคน ‘กำหนดเทรนด์’ ที่เกมแนวสยองขวัญจะก้าวไปข้างหน้า ที่จะยืนยาวต่อไป และน่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าพวกเขาจะสร้างสิ่งใด ภายใต้ความเปลี่ยนผ่านของแวดวงวิดีโอเกมในเวลาที่จะมาถึง “เพราะลงว่าได้ ‘ฆ่าแบรนด์’ เพื่อเกิดใหม่มาแล้วอย่างชำนาญ มันจะไม่จบแค่ครั้งที่สอง สาม หรือสี่แน่นอน และนั่น คือวิถีทางที่สิ่งใหม่ๆ จะถือถือกำเนิดขึ้น ในวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และมันจะเป็นเช่นนั้น…เสมอ”
10 Feb 2021
ข่าวลือ! Resident Evil 4 Remake อาจเลื่อนไปวางขายปี 2023 แทน!
ก่อนหน้านี้เราได้ทราบจากข่าวลือว่า Capcom วางแผนจะขาย Resident Evil อีกหลายภาคนอกจาก Village ในช่วง 4 ปีหลังจากนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ระบุว่า Resident Evil 4 Remake จะวางจำหน่ายในช่วง Q4 ของปี 2022 ซึ่งล่าสุด ดูเหมือนผู้พัฒนาจะพบกับปัญหาใหญ่ จนทำให้ต้องเลื่อนไปวางขายปี 2023 แทนครับ จากรายงานของ VGC ดูเหมือนว่าทีมพัฒนาเกม M-Two กับ Capcom จะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องทิศทางของเกม ซึ่ง M-Two ตัดสินใจว่าควรจะ Remake เกมนี้แบบ 1 : 1 หรือกล่าวคือรักษาของเดิมเอ้าไว้ให้มากที่สุด และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาเกมเพลย์ กับกราฟิกให้ดีขึ้น แต่ทาง Capcom ดูเหมือนจะอยากได้การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในเวอร์ชันนี้ จนส่งผลให้มีการเปลี่ยนผู้นำในการพัฒนาไปเป็น Capcom Division 1 แทน และลดบทบาทของ M-Two ในโปรเจกต์นี้ลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การพัฒนาเกมติดขัด และจำเป็นต้องเลื่อนการวางขายไปเป็นปีถัดไปแทน ซึ่งเนื่องจากของเดิมจะขายในช่วงปลายปีอยู่แล้ว ดังนั้นคิดว่าคงไม่เกินช่วงกลางปี 2023 เราก็น่าจะได้เล่นภาคนี้กัน (ถ้ามันมาจริงๆ อะนะ) และ RE4 Remake จะแตกต่างจากต้นฉบับมากๆ เลยด้วยครับ Credit: GamingBolt
25 Jan 2021
**ชินจิ มิคามิ** ยืนยันว่าไม่เคยได้รับการติดต่อเกี่ยวกับโปรเจค Resident Evil 4 Remake จาก Capcom เลย
"Capcom กำลังพัฒนา Resident Evil 4 Remake อยู่" คือข่าวลือที่มักจะโผลมาเป็นระยะๆ ในช่วงปี 2020 นี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ ตัวเกมภาค 2 กับ 3 ในซีรีส์ต่างถูกทำเป็นภาค Remake ใหม่ทั้งหมด ทำให้แฟนเกมเชื่อว่าภาค 4 เองก็กำลังจะได้รับการ Remake และจะวางจำหน่ายในอีก 1 - 2 ปีนี้จริงจามข่าวลือ โดยไดเรกเตอร์ของเกม Original คุณ ชินจิ มิคามิ เองก็เหมือนจะเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ปล่อยออกมาโดย Variety คุณ ชินจิ มิคามิ ยืนยันว่าเขาไม่ได้เคยได้รับการติดต่อจาก Capcom เกี่ยวกับโปรเจค Resident Evil 4 Remake เลย แต่ถ้าถามว่ามีความเป็นไปได้มากขนาดไหนที่โปรเจคดังกล่าวจะมีอยู่จริง เขาก็ตอบว่า มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากบริษัทจะสามารถทำกำไรจากมันได้ และมันก็เป็นโอกาสทางการตลาดที่ดีด้วยเช่นกัน เอาจริงๆ ในตอนนี้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ Resident Evil 4 Remake เป็นเพียงสิ่งที่มาจากข่าวลือทั้งนั้น ไม่มีอะไรยืนยันเลยว่าเกมดังกล่าวอยู่ระหว่างพัฒนาจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเอาตามที่คุณ ชินจิ มิคามิ ว่ามามันก็คงมีความเป็นไปได้สูงจริง ที่เราจะได้เห็นเกมภาค 4 Remake ในอีก 1 - 2 ปีหลังจากนี้ครับ Credit: Comicbook
18 Dec 2020
ผู้ให้เสียง Leon เผยกำลังทำ Motion Capture อยู่ หรือ RE4 Remake จะมาจริง?
Resident Evil Village คือภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์เกมยิงผีที่กำลังจะวางจำหน่ายในปีหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน ข่าวเกี่ยวกับเกม Resident Evil 4 Remake เองก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แฟนๆ ให้ความสนใจ ซึ่งจากโพสต์ล่าสุดของ Nick Apostolides ผู้ให้เสียงพากย์ และเป็นเจ้าของใบหน้าของ Leon S Kennedy ใน RE2 Remake คิดว่าเป็นไปได้สูงเลยที่ RE4 Remake จะมาจริงๆ ครับ Nick Apostolides ได้โพสต์ข้อความพร้อมกับรูปภาพว่า "ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง" ซึ่งตัวเขาได้ใส่แฮชแท็ก VideoGames เอาไว้ด้วย จึงเป็นไปได้ว่าเขากำลัง Motion Capture เป็น Leon สำหรับเกม RE4 Remake อยู่ แต่ตัวผมเองกลับรู้สึกว่า เขาน่าจะกำลัง Motion Capture ให้กับการ์ตูน Resident Evil ของ Netflix อยู่ครับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น RE4 Remake เช่นกันครับ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอดูต่อไป Man does it feel good to get back to work! Safely had a blast with some crazy people on this one....can’t wait to share the project! #mocap #performancecapture #motioncapture #videogames #action #stunts pic.twitter.com/LTrrqU5073 — Nick Apostolides (@Nik_apostolides) November 2, 2020 Credit: GameRant
06 Nov 2020
ลือ! Resident Evil 4 Remake จะปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องเกมมากกว่าภาคที่ผ่านมา
หลังจากมีข่าวลือว่า อีกหนึ่งเกมที่กำลังจะถูกนำกลับมาทำใหม่อย่าง Resident Evil 4 กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา ก็ทำให้แฟนๆ ของซีรีส์นี้ต่างรอคอย และติดตามข่าวสารของเกมนี้กันอย่างจริงจัง ล่าสุดก็มีข่าวลือว่า ตัวเกมจะเพิ่มเนื้อเรื่องใหม่ๆ รวมถึงปรับปรุงลูกเล่นในเกมด้วยค่ะ โดยข่าวนี้ก็มาจากบน Twitter ของ Dusk Golem ซึ่งหากเป็นผู้ติดตามข่าวของซีรีส์นี้ จะรู้ว่าข่าวสารที่มาจากเขาเกี่ยวกับตัวเกม Resident Evil ถือว่าผิดพลาดน้อยมาก ล่าสุดเขาได้โพสต์ลง Twitter กล่าวว่า เนื้อเรื่องของ Resident Evil 4 Remake จะมีความแตกต่างจาก Original มากกว่า ภาคก่อนหน้านี้อย่าง RE3 Remake ที่ได้มีการปรับปรุงให้เหลือเพียงการจบในรูปแบบเดียว ส่งผลให้แฟนๆ บางคนอาจจะไม่พอใจกับเนื้อเรื่องของเกมเวอร์ชั่นใหม่ แต่นี้ถือเป็นเพียงการคาดการณ์ที่ทางผู้พัฒนาไม่ได้ออกมาสรุปอย่างแน่นอนว่า ตัวเกมจะออกมาในทางรูปแบบใด เนื้อเรื่องจะเป็นไปตามนี้ หรือไม่ต้องรอติดตามกันต่อไป (1/2) This is the last RE4 Remake question Ill answer for a while (I know more than most on RE4 Remake right now, but theres a LOT I dont know at this point in time, & the things I do know mostly are best to be seen than talked about literally a year or so before the games https://t.co/0C01IzH4Rt — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 (2/3) announcement, I keep saying this but Ill repeat myself, RE4 Remake leaked too soon even if with RE8 I think some would get suspicious), but yes the story is an area theyre focusing on expanding greatly. Not in the way you described though. I guess the one random thing I — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 (3/3) can toss out there as an example is, have you ever thought about what Dr. Salvadors deal in RE4 was? No? Well, prepare to be intrigued. — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 24, 2020 Credit: Gamerant
26 Jun 2020
อดีตผู้นำพัฒนา Resident Evil 4 กล่าว "ถ้าภาค Remake ออกมาดีก็ไม่มีปัญหา"!!
Resident Evil 4 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาคที่สร้างชื่อเสียงให้กับซีรีส์เป็นอย่างมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า คุณ Shinji Mikami ที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเกมครั้งนั้นทำได้ดีจริงๆ ดังนั้นข่าวลือที่บอกว่า Capcom กำลังพัฒนา Resident Evil 4 Remake อยู่ แถมคุณ Mikami ยังมาเป็นผู้ให้คำแนะนำในการพัฒนา่ตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ด้วย! สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official ว่าเกม Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริง แต่จากบทสัมภาษณ์ของ IGN ดูเหมือนว่าตัวเกมอาจอยู่ในระหว่างพัฒนาจริงๆ ครับ "คิดเห็นยังไง เกี่ยวกับข่าวลือที่บอกว่าทาง Capcom กำลังพัฒนา Resident EVil 4 Remake อยู่" คือหนึ่งในคำถามที่ IGN ได้ถามกับคุณ Mikami ซึ่งเขาก็ได้ตอบว่า "ถ้าทำออกมาได้ดี ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร" มันน่าสนใจตรงที่ว่าตัวเขาไม่ได้ปฏิเสธว่า "Resident Evil 4 Remake กำลังพัฒนาอยู่" เลยครับ ดังนั้นในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้เราอาจจะเล่นภาค 4 Remkake จริงๆ ก็ได้ครับ Credit: Nintendolife สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
05 Jun 2020
ลือ Resident Evil 4 Remake จริงๆ เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว!
ซีรีส์เกม Resident Evil กลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าผู้เล่นมาเป็นเวลา 2 ปีติดกันแล้ว ซึ่งทั้งสองภาค Resident Evil 2 Remake และ Resident Evil 3 Remake ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ล่าสุดก็เพิ่งจะมีข่าวลือว่า ภาคต่อไปที่จะถูกเอามาทำเป็นภาค Remake ก็คือ Resident Evil 4 โดยมีกำหนดจะวางจำหน่ายในปี 2022 ซึ่งวันนี้ก็มีอีกหนึ่งข่าวลือที่สนับสนุนว่า Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ ครับ! AestheticGamer aka Dusk Golem ได้ทำการปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับ Resident Evil 4 Remake ออกมาผ่าน Twitter โดยข้อมูลที่เขาปล่อยออกมามีจุดสำคัญอยู่หลายจุด ผู้เขียนจึงได้ทำการสรุปให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้ว สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ Resident Evil 4 Remake กำลังถูกพัฒนาอยู่จริง โดย Capcom พยายามที่จะเอาเกมมาวางจำหน่ายให้ได้ในปี 2022 M-Two เป็นผู้นำในการพัฒนา RE4 Remake จริง และทีมในการพัฒนาตอนนี้ก็ใหญ่กว่าตอน RE3 Remake มาก ภาคต่อไปที่จะวางจำหน่ายคือ Resident Evil 8 อย่างแน่นอน Resident Evil 4 Remake จะเป็นเกมที่วางจำหน่านหลังจากนั้น Shinji Mikami รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับโปรเจคนี้จริง ส่วนเหตุผลที่เขามาเป็นผู้นำในการพัฒนาไม่ได้ เป็นเพราะว่าติดโปรเจค GhostWire อยู่ จนถึงตอนนี้ข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาโดย Dusk Golem เรียกได้ว่าถูกต้องอยู่บ่อยครั้งมากๆ ดังนั้นความนาเชื่อถือของข่าวลือนี้จึงนับว่าสูงพอสมควร แต่อย่างไรมันก็เป็นแค่ข่าวลือ ยังไงคงต้องรอการประกาศจากทาง Official อีกครั้งครับ https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249474868023676934?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249474868023676934&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249475635690364929?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249475635690364929&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249476310335770624?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249476310335770624&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 https://twitter.com/AestheticGamer1/status/1249476838650286080?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1249476838650286080&ref_url=https%3A%2F%2Fgamingbolt.com%2Fresident-evil-4-remake-has-reportedly-been-in-development-since-2018 Credit: GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
14 Apr 2020
ลือ Resident Evil 4 Remake กำลังพัฒนาอยู่ และจะออกในปี 2022!
หลังจากที่มีการวางขาย Resident Evil 2 Remake และ Resident Evil 3 Remake ออกมาแล้ว ก็มีการถามจาก Capcom ว่าแฟนๆ อยากได้ Resident Evil Remake ภาคอื่นๆ อีกรึเปล่า ซึ่งวันนี้ก็มีข่าวลือออกมาแล้วว่า Resident Evil ภาคต่อไปที่จะถูกนำมาทำเป็นภาค Remake ก็คือภาคที่มี Leon s Kennedy เป็นพระเอก และเป็นเหตุการที่เกิดขึ้นหลังจากภาค 2 อีก 6 ปี หรือก็คือ Resident Evil 4 นั้นเองครับ! ข่าวนี้ถูกปล่อยออกมาจากทาง VGC ซึ่ง Resident Evil 4 Remake นั้นจะได้หนึ่งในผู้พัฒนา RE3 Remake อย่าง Studio M-Two มาเป็นผู้นำในการพัฒนา และวางจำหน่ายในปี 2022 โดยในตอนแรกนั้นดูเหมือนจะมีการร้องขอให้คุณ Shinji Mikami ผู้เป็น director ของเกม Resident Evil 4 เวอร์ชั่น Original มาเป็นผู้นำในการพัฒนา แต่เขาได้ทำการปฏิเสธ แล้วเลือกที่จะเป็นเพียงผู่ให้คำแนะนำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เหมือนกับทุกครั้งที่เราได้นำข่าวลือมาบอกให้กับทุกๆ คน เราจะย้ำเหมือนเดิมว่า ยังไงทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น และเป็นข่าวที่ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official เลย ดังนั้นขอให้อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดแบบ 100% ครับ Credit: Gamingbolt, VGC , PCGamer ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
13 Apr 2020
10 ศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil
Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมที่มีการออกแบบศัตรูในเกมได้น่ากลัวมาก อีกทั้งยังน่าจดจำเอามาก ๆ จนบางครั้งทำให้เราหลอนทุกครั้งที่เล่นเกมเลยก็มี เพื่อเป็นการต้อนรับการมาถึงของเกม Resident Evil 3 Remake พวกเรา GameFever TH จึงขอนำเสนอ 10 ศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil 10.Hunters Hunter หรือที่แฟน ๆ ของเกม Resident Evil เรียกว่านักตัดหัว โดยศัตรูตัวนี้มีความสามารถในการ 1 Hit Kill หรือตีทีเดียวตาย ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างกลัวที่จะเจอเจ้าตัวนี้ รวมถึงต้องมีสติทุกครั้งที่ต้องเจอมิฉะนั้นอาจจะต้องกลับไปห้องเซฟก็เป็นได้ 9.Lake Monster (Resident Evil 4) Lake Monster หรือว่าน้องปลายักษ์แห่งหนองน้ำประจำเกม Resident Evil 4 ที่เราจะต้องสู้ในฐานะบอสประจำเกม โดยใช้ฉมวกในการเอาชนะ ซึ่งปลาตัวนี้โหดมาก ๆ มีความว่องไว อีกทั้งยังสามารถทนทานดาเมจได้สูง แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะพระเอกอย่าง Leon ได้อยู่ดี 8.Cerberus Cerberus หรือ Zombie Dog น้องหมาในเกม Resident Evil ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็วที่สูง อีกทั้งยังมีขนาดเล็กทำให้ทำการเล็งยิงได้ยาก นอกจากนี้หากมันโจมตีพร้อมกันทั้งสองตัวเรียกได้ว่ารอดยากมาก ๆ เป็นอีกหนึ่งในศัตรูที่เมื่อได้ยินเสียก็กลัวแล้ว 7.Crimson Head zombies (Resident Evil remake) Resident Evil Remake ได้มีการเพิ่ม Zombie ชนิดใหม่เข้ามาในชื่อ Crimson Head Zombie หรือ Zombie ฉบับอัปเกรดเมื่อตายไปแล้วหนึ่งครั้ง โดยศัตรูตัวนี้มีความเร็วที่สูงมาก มีพลังโจมตีที่รุนแรงและมีเสียงร้องที่น่ากลัว ทำให้ในภาคนี้หลาย ๆ คนเลี่ยงที่จะฆ่า Zombie หรือหากจำเป็นต้องฆ่าก็ต้องหาไฟมาเผาศพ ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอ Jackpot ได้ 6.U-3 (Resident Evil 4) U-3 หรือมนุษย์ตะขาบในเกม Resident Evil 4 ที่มาในฐานะของ Boss ให้เราต่อสู้จุดเด่นของ U-3 นอกจากรูปร่างที่น่ากลัวแล้ว ศัตรูตัวนี้ยังมีท่าโจมตีที่รุนแรงมากโดยมือขวาของมันสามารถหักคอ Leon ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งตัวมันเองยังมีร่างที่สองที่จะมีใบมีดแหลมคมคอยโจมตีผู้เล่นซึ่งหากโดนจับแล้วกด Quick Time Event ไม่ทันก็เตรียมตัวเจอภาพ Leon ร่างกายขาดสองท่อนได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถที่จะมุดดินได้อีกด้วยเรียกได้ว่าน่ากลัวสุด ๆ 5.Chainsaw Man (Resident Evil 4-5) สำหรับศัตรูตัวนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ Chainsaw Man หรือ Dr Salvador มนุษย์เลื่อยยนต์สุดโหด ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องหัวหลุดออกจากบ่ามาแล้ว โดยศัตรูตัวนี้จะมาพร้อมกับเสียเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เราต้องหวาดระแวง ซึ่งแม้ว่าจะเล่นจบหลายรอบก็ยังคงกลัวศัตรูตัวนี้ 4.Mr. X (Resident Evil 2) Mr. X หรือ Tyrant - 00 ถือว่าเป็นหนึ่งศัตรูสุดโหดประจำเกม Resident Evil 2 ที่จะออกตามล่าเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ลำตัวขนาดใหญ่ทีน่าหวั่นเกรงและการโจมตีที่หนักหน่วง ทำให้เราไม่อยากที่จะปะทะกับศัตรูตัวนี้ นอกจากนี้ศัตรูตัวนี้ยังกลายเป็น Boss สุดโหดให้เราได้ต่อสู้ในตอนท้ายอีกด้วย 3.Nemesis (Resident Evil 3) Nemesis ถือว่าเป็นหนึ่งใน Boss ของเกม Resident Evil ที่แฟน ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโหด ด้วยลำตัวขนาดใหญ่ ความเร็วในการเคลื่อนที่สูง เสียงคำรามอันน่ากลัวและการตามล่าเราอย่างไม่ลดละ ทำให้ Boss ตัวนี้เป็นหนึ่งในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ยิ่งตัวเกมภาคนี้ได้รับการ Remake ใหม่ ทำให้เราจินตนาการไม่ออกว่า Nemesis เวอร์ชันนี้จะแกร่งขนาดไหน 2.Lickers (Resident Evil 2 Remake) หากพูดถึงศัตรูธรรมดาที่แกร่งไม่แพ้บอส Lickers ใน Resident Evil 2 ฉบับ Remake ถือว่าตอบโจทย์มาก แม้ว่าศัตรูตัวนี้จะตาบอดแต่ก็มีกรงเล็บที่แหลมคม ความเร็วที่ว่องไวและประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม ทำให้เราไม่อยากที่จะปะทะกับสิ่งนี้ตรง ๆ ยิ่งคุณเล่นในโหมด Hardcore ศัตรูตัวนี้จะโหดจนคุณต้องร้อง 1.Regeneradores (Resident Evil 4) ปิดท้ายกันด้วยศัตรูสุดน่ากลัวของซีรีส์ Resident Evil กับ Regeneradores ศัตรูสุดแกร่งประจำเกม Resident Evil 4 ที่แม้ว่ามันจะเดินช้า แต่ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ยิงส่วนไหนก็งอกได้ แถมทนทานกับลูกกระสุนอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันอัปเกรดที่มีหนามเต็มตัว ยิ่งเพิ่มความโหดให้กับศัตรูตัวนี้ไปอีก ทางเดียวที่จะชนะมันได้คือการใส่กล้อง Infrared แล้วยิงปรสิตในตัวของมันจึงจะชนะอย่างง่ายดาย นอกจาก 10 ศัตรูนี้แล้วเพื่อน ๆ คิดว่ามีศัตรูตัวไหนที่น่ากลัวบ้างลองบอกกันมาได้เลย
24 Mar 2020
5 อันดับเกม Resident Evil ขายดีที่สุด
Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าชื่อนี้จะไปอยู่ภาพยนตร์ แอนิเมชัน การ์ตูนหรือแม้แต่สินค้าต่าง ๆ ก็สามารถดึงเงินได้จากเหล่าแฟน ๆ ไม่ยากเย็นแล้วเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันหรือว่าเกม Resident Evil ภาคไหนที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดวันนี้เรา GameFever TH จะพามาหาคำตอบกัน **บทความนี้อ้างอิงจากเว็บไซต์ vgsales.fandom.com ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต *** 5.Resident Evil 2 (1998) ยอดขาย 6,114,370 ชุด Resident Evil 2 ฉบับดั้งเดิมถือว่าเป็นหนึ่งในเกม Resident Evil ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยตัวเกมได้มีการปรับปรุงระบบการเล่นแบบใหม่ที่สามารถเล่นได้ถึง 4 แบบ พร้อมเปิดตัวละครใหม่ที่เอาใจหนุ่ม ๆ อย่าง Claire สาวห้าวสุดสวยและ Leon หนุ่มหล่อขวัญใจสาว ๆ จึงไม่แปลกที่เกมนี้จะทำยอดขายได้มากถึง 6.14 ล้านชุด นอกจากนี้ตัวเกมยังได้รับการ Remake ขึ้นมาใหม่และวางจำหน่ายในปี 2019 ก็ทำยอดขายได้ใกล้เคียงกันที่ 5.8 ล้านชุด (17/02/2020) 4.Resident Evil 7: Biohazard ยอดขาย 7,000,000 ชุด ถือว่าเป็นหนึ่งในเกม Resident Evil ภาคหลักที่ได้เปลี่ยนจากมุมมองบุคคลที่ 3 ที่แฟน ๆ คุ้นเคยสู่มุมมองบุคคลที่ 1 พร้อมกับปรับธีมของเนื้อเรื่องจากไวรัสมรณะเป็นคฤหาสน์ร้างสยองขวัญสไตล์หนังตะวันตก พร้อมกับเปิดตัวละครเอกใหม่อย่าง Ethan แม้ว่าทาง Capcom จะเตรียมใจไว้แล้วว่าภาคนี้ยอดขายอาจจะไม่ดีนักแต่ด้วยพลังของแฟน ๆ Resident Evil เกมนี้ก็สามารถทำยอดขายได้มากถึง 7 ล้านชุด 3.Resident Evil 4 ยอดขาย 8,628,067 หากพูดถึงเกม Resident Evil ที่ครองใจเหล่าเกมเมอร์และเป็นที่รู้จักมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Resident Evil 4 ที่ได้ทำการปฏิวัติซีรีส์ใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้มุมมองบุคคลที่ 3 แบบมองข้ามหัวไหล่ พร้อมกับเพิ่มความเป็น Action เข้าไปในเกม ทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับการพอร์ทไปยังเครื่อง Console เกือบทุกรุ่น ทำให้ในปัจจุบันเกมนี้มียอดขายมากถึง 8.6 ล้านชุด 2.Resident Evil 6 ยอดขาย 10,731,400 หลังจากที่เกม Resident Evil 5 ประสบความสำเร็จอย่างงดงามพร้อมกับเปิดตัวระบบการเล่นแบบ Co-Op ทำให้ในเกม Resident Evil 6 ทาง Capcom ได้อัปเกรดความนิยมไปอีกขึ้นด้วยการเพิ่มตัวละครขวัญแฟน ๆ อย่าง Christ Redfield , Ada , Leon, Sherry birkin พร้อมกับตัวละครใหม่อีก 3 ตัว ทำให้ตัวเกมทำยอดขายได้อย่างมหาศาลถึง 10.7 ล้านชุด แม้ว่าจะถูกวิจารณ์อย่างมากทั้งในเรื่องของระบบการเล่น เนื้อเรื่องและองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมจากเหล่าแฟน ๆ ก็ตาม 1.Resident Evil 5 ยอดขาย 12,740,000 Resident 5 ถือว่าเป็นเกม Resident Evil ภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Capcom ด้วยการต่อยอดจากภาคที่ 4 ยกระดับกราฟิกในเกมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น พร้อมกับเพิ่มโหมดที่ให้เราสามารถสนุกร่วมกันได้กับเพื่อนอย่าง Co-Op ทำให้เกมได้สามารถทำยอดขายได้มากถึง 12.7 ล้านชุดและน่าจะครองตำแหน่งนี้ไปอีกนาน Resident Evil ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลเกมที่อยู่ร่วมกับเหล่าเกมเมอร์มาอย่างยาวนานเกือบ 25 ปี การที่เกมนี้ยังคงมีเหล่าแฟน ๆ สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอาจจะได้เห็นเกมนี้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นเราไปถึงรุ่นหลานก็เป็นได้ ไม่แน่เนื้อเรื่องของภาคต่อไป (Resident Evil 8) อาจจะมีการเปิดตัวลูกชายของตัวละครหลักในซีรีส์ก็เป็นได้ (ฮา)
18 Feb 2020
เปิดประวัติสาวแกร่ง Jill Valentine [Resident Evil]
ในตอนนี้หนึ่งในเกมที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอคอยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเกม Resident Evil 3 ฉบับ Remake ของทาง Capcom ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในภาคที่มีตัวร้ายน่าจดจำมากที่สุดตัวหนึ่งในซีรีส์ แต่วันนี้เรา GameFever TH จะพามาทำความรู้จักกับหนึ่งในตัวละครเอกของซีรีส์ที่ใคร ๆ ต่างหลงรักอย่าง Jill Valentine ประวัติเบื้องต้น Jill Valentine เกิดเมื่อปี 1974 เธอเป็นคนสัญชาติอเมริกันและเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส - ญี่ปุ่น กรุ๊ปเลือด B โดยภูมิหลังของเธอไม่มีข้อมูลอื่น ๆ ที่แน่ชัด นอกจากระบุไว้ว่าช่วงทศวรรษที่ 1990s เธอได้เข้าร่วมกันกองทัพบกสหรัฐในหน่วยของ Delta Force ที่เธอได้ฝึกฝนโปรแกรมต่าง ๆ ของทางกองทัพ ก่อนที่ในปี 1996 - 1998 ทาง Albert Wesker จะเห็นในแววของเธอจึงได้คัดเลือกเข้ามาอยู่ในหน่วย Special Tactics and Rescue Service (S.T.A.R.S.) ซึ่งเป็นหน่วยพิเศษสังกัดกรมตำรวจเมือง Raccoon City Resident Evil: 1 ช่วงต้นฤดูร้อนปี 1998 ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญขึ้นในคฤหาสน์ Spencer ทำให้ทางกรมตำรวจ Raccoon City ได้ส่งหน่วย S.T.A.R.S. ทีม Bravo เข้าไปยังที่เกิดเหตุแต่ทีมก็ขาดการติดต่อเป็นเวลาถึง 24 ชั่วโมง ทำให้ทางกรมตำรวจต้องส่งอีกหน่วยเข้าไปคือทีม Alpha เข้าไปสำรวจยังที่เกิดเหตุซึ่งประกอบไปด้วย Barry Burton , Joseph Frost, Chris Redfield, Jill Valentine, Vickers Brad , และ Albert Wesker ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล โดยในตอนแรกเธอคิดว่าเหตุการณ์นี้คือการฆาตกรรมปกติ แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอได้เจอกับอาวุธชีวภาพของทาง Umbrella Cooperation จนเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดก่อนที่จะรู้ในภายหลังว่านี่คือฝีมือของ Albert Wesker ที่ต้องการทดสอบอาวุธชีวภาพของเขาและในที่สุดเธอจึงหนีรอดออกมาจากคฤหาสน์หลังนี้ได้ Resident Evil: 3 หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกได้มีการขอให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ Spencer โดยละเอียด พร้อมทั้งตรวจสอบบริษัท Umbrella Cooperation ที่ผลิตอาวุธชีวภาพแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางหัวหน้าของพวกเขาและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทำให้หน่วย S.T.A.R.S. ต้องทำการสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเอง โดย Jill ตัดสินใจที่จะอยู่ในเมือง Raccoon City เพื่อทำการสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับห้องทดลองใต้ดินของบริษัทในเมืองนี้อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้เริ่มต้นการสืบสวนเมื่อเชื้อ T-Virus ได้ระบาดมาในท่อระบายน้ำของเมือง ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซอมบี้ นอกจากนี้ทาง Umbrella เองก็ได้ถือโอกาสนี้ในการทดสอบประสิทธิภาพของอาวุธชีวภาพโดยการส่ง Nemesis-T Type พร้อมกับเป้าหมายในการสังหารหน่วย S.T.A.R.S. ให้หมด หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้เธอติดอยู่ในอะพาร์ตเมนต์จนถึงวันที่ 27 กันยายน 1998 เธอจึงตัดสินใจที่จะหนีออกจากที่พักไปหลบอยู่ในโกดังกับ Dario Rosso ก่อนที่เธอจะตัดสินใจในการออกไปยังสถานีตำรวจเมือง Raccoon City เนื่องจากคิดว่าสถานที่นี้ปลอดภัยแต่เมื่อเธอไปถึงเธอก็พบว่าไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยอีกแล้วในเมืองนี้ ก่อนที่เธอจะได้รับสัญญาณวิทยุจาก Carlos Oliveira แห่งหน่วย U.B.C.S. (Umbrella Biohazard Countermeasure Service) นั่นทำให้เธอต้องร่วมมือกับสมาชิกของหน่วย U.B.C.S. ในการเอาตัวรอดออกจากเมืองแห่งนี้ให้ได้ แต่การหลบหนีออกจากเมืองนี้ก็แสนยากลำบากเพราะ Nemesis พยายามที่จะขัดขวางเธอตลอดจนทำให้เธอติดเชื้อ T-Virus จนเธอสลบไปถึงสองวันแต่ก็ได้ Carlos มาช่วยเหลือไว้ทำให้เธอยังปลอดภัยและรู้ภายหลังว่าทางรัฐบาลกำลังจะสั่งยิงนิวเคลียร์ใส่เมืองนี้เพื่อกวาดล้างพื้นที่ โดยทางรอดเดียวของเธอคือการหนีไปยังโรงงานขยะชีวิภาพด้านเหนือของเมืองหลังจากที่ผ่านฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนสามารถหนีรอดออกมาจากเมืองได้เธอจึงตัดสินใจที่ต่อสู้กับ Umbrella Cooperation แบบเต็มตัวในนามของ Private Anti-Biohazard Service จาก Private Anti-Biohazard Service สู่ BSAA หลังจากที่ Jill ได้เข้าร่วมกลุ่ม Private Anti-Biohazard Service ร่วมกับ Chirs ในการออกสำรวจและตรวจสอบการมีอยู่ของอาวุธชีวภาพ โดยพวกเขาสืบทราบว่าทางตอนเหนือของทวีปยุโรปได้มีห้องแล็บของ Umbrella ภายใต้การดูแลของอดีตผู้นำUmberlla ที่มีชื่อว่า Sergei Vladimir ก่อนที ทำให้พวกเขาบุกไปยังฐานทัพแห่งนั้นและได้ต่อสู้กับ T-A.L.O.S. (Tyrant-Armored Lethal Organic System) สุดยอดอาวุธของชีวภาพของ Umbrella ก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะได้และทางบริษัทก็เริ่มล่มสลาย หลังจากการบุกทำลายฐานทัพครั้งนั้นทำให้ทางบริษัทเริ่มที่จะล้มละลาย ส่งผลอาวุธชีวภาพของ Umbrella ถูกวางจำหน่ายในตลาดมืดจึงต้องมีการตั้งหน่วย BSAA (Bioterrorism Security Assessment Alliance) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านอาวุธชีวภาพเหล่านี้ ซึ่งเธอก็ได้เข้าร่วมเช่นกัน Resident Evil : Revalation 1 ในปี 2004 ได้เกิดเหตุการณ์ Terragrigia Panic หรือเหตุการณ์ที่เมือง Terragrigia ถูกทำลายด้วยอาวุธชีวภาพ ทำให้ทาง Federal Bioterrorism Commission จึงได้มอบหมายให้หน่วย BSAA ทำการสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็พบว่าเรื่องราวเหล่านี้มีที่มาไม่ชอบมาพากล โดยในปี 2005 Jill และคู่หูใหม่อย่าง Parker Luciani ได้ออกไปสืบสวนเหตุการณ์ประหลาดในชายฝั่งประเทศอิตาลีก่อนที่จะพบว่านี่คือไวรัสตัวใหม่นามว่า t-Abyss Virus ในขณะนั้นเองทั้งคู่ได้รับคำสั่งมาว่า Chirs และ Rachel ขาดการติดต่อหลังจากออกปฏิบัติภารกิจทางทะเลทำให้ทั้งคู่รีบมุ่งหน้าไปทันที โดยหลังจากแกะรอยสัญญาณพบว่ามาจากเรือ Queen Zenobia แต่เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนเรือก็พบว่านี่คือกับดักและย้ายไปยังเรือ Queen Semiramis ที่นั่นทำให้พวกเขารู้ว่า FBC มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเชื้อไวรัส t-Abyss Virus เธอเองก็เอาชีวิตไม่รอดแต่ก็ได้ Chris และ Rachel เข้ามาช่วยไว้ได้ทันก่อนจะรู้ว่า Morgan Lansdale อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมด Resident Evil 5 หลังจากเหตุการณ์เรือ Queen Zenobia ทาง Chris และ Jill ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ของ Dr. Oswell E. Spencer ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Umbrella Pharmaceuticals ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะบุกไปยังคฤหาสน์ของ Osewll ทันแต่พวกเขาก็ไปช้าเกินไปเพราะ Wesker ได้ไปถึงก่อนและทั้งสามคนได้ต่อสู้กันก่อนที่ Jill จะเสียสละตัวเองผลัก Wesker ตกหน้าผาไปพร้อมกัน Chris ได้คิดว่าเธอตายแล้ว แต่ในความเป็นจริงเธอยังไม่ตายและถูก Wesker ควบคุมให้ทำเรื่องต่าง ๆ โดยเธอจะสวมหน้ากาก(Lady Bird) และปฏิบัติการอยู่ในประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งเธอคือคนที่นำเอาไวรัส Plaga Type 2 ไปแพร่ระบาดยังบริเวณ  Kijuju Autonomous Zone ทำให้ Chris และ Shiva เจ้าหน้าที่ BSAA ต้องเข้ามาตรวจสอบ หลังจากที่สืบจนรู้ความจริง Chris ก็สามารถที่จะช่วย Jill ให้หลุดจากการควบคุมของทาง Wesker ได้และได้ร่วมมือกับ Josh ในการหนีออกจากห้องทดลองของ TRICELL ก่อนที่เธอจะรู้ว่าไวรัสที่ทาง Wesker ได้รับมาไม่เสถียรและต้องการมีการฉีดเซรุ่ม ทำให้เธอบอกเรื่องนี้กับ Chris จนเขาและ Shiva สามารถต่อกรกับ Wesker ได้สำเร็จ หลังจากเหตุการณ์จบลงเธอได้เข้าไปอยู่ในห้องแล็บของทาง BSAA เพื่อที่จะตรวจสอบร่างกายเธออย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรวมถึงเชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวเธอ ถึงกระนั้นเธอยังคงที่จะเตรียมตัวในการออกไปต่อสู้กับเหล่าอาวุธชีวภาพเสมอ จะเห็นได้ว่า Jill Valentine ถือว่าเป็นหนึ่งในหญิงแกร่งจากเกม Resident Evil ที่ต่อให้ต้องเจอกับอาวุธชีวิภาพที่ร้ายแรงขนาดไหนเธอก็ไม่เคยที่จะกลัว การที่เกม Resident Evil 3 ฉบับ Remake ได้ออกมาให้เราเล่นในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการดีที่เราจะได้ลองดูมุมมองใหม่ ๆ ของเธอ อ้างอิงจาก:residentevil.fandom.com
20 Jan 2020
Resident Evil 0, 1 และ 4 เตรียมลงให้กับ Nintendo Switch
สามภาคคลาสสิคของเกมสยองขวัญเตรียมมาเอาใจสาวกค่ายลุงหนวด ที่ว่าล่าสุดทางทาง Capcom ได้ประกาศนำเกม Resident Evil 0, Resident Evil 1 HD Remake และ Resident Evil 4 ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2019 นี้ โดยทุกคนสามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 เป็นต้นไป โดยโซน UK สามารถซื้อแบบดิจิตอลได้ใน Nintendo Eshop ส่วนทางโซน North America นอกจากจะซื้อแบบดิจิตอลได้แล้ว ท่านก็สามารถซื้อตัวเกมแบบกล่องแพ็คสาม จากร้านค้าปลีกต่างๆ ได้อีกด้วย Resident Evil 0, 1, and 4 are coming to Nintendo Switch eShop on May 21! Play all three masterpieces anywhere, such as: - On trains ? - During mansion tours ? - Across the European countryside ? Pre-orders start on Feb 28! pic.twitter.com/BCzatyoUhU — Resident Evil (@RE_Games) 25 กุมภาพันธ์ 2562 โดยเกมทั้งสามภาคนี้เป็นภาคที่หลายๆ คนต่างชมถึงความยอดเยี่ยม ในเรื่องความน่ากลัว และความคลาสสิคของมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเกมก็ได้ลงให้ครั้ง PC, PS4 และ Xbox One และทำการรีมาสเตอร์ให้ภาพสวยขึ้นด้วย ที่มา
26 Feb 2019